ลุงพล ปฏิเสธข้อหา

ลุงพล ปฏิเสธข้อหา

จากกรณีนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ติดต่อให้นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เข้ามาช่วยดูแลคดีน้องชมพู่ หากลุงพลถูกตำรวจออกหมายจับ โดยทนายตั้มมีกำหนดเดินทางไปบ้านลุงพล ที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร โดยเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ลงที่สกลนครโดยมีทีมทนายความและนายแพทย์ร่วมเดินทางไปด้วย ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าทนายตั้มและคณะอาจต้องถูกกักตัว 14 วัน ตามมาตรการ cv เพราะเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงสูง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ที่สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร ลุงพล เดินทางมารับทราบข้อหา ฐานความผิดครอบครองไม้หวงห้ามโดยผิดกฎหมายตามพรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ตามหมายเรียกของตำรวจสภ.กกตูม หลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้มุกดาหาร ตรวจสอบพบว่าไม้ตะเคียนท่อน ที่ศาลแม่ตะเคียนโสรภี ข้างบ้านลุงพล เป็นไม้มะค่าแต้ และคดีทำร้ายผู้สื่อข่าวช่องหนึ่ง

นายไชย์พล เปิดเผยว่า ตนปฏิเสธให้การรับสารภาพทั้ง 2 ข้อหา เนื่องจากไม่มีเจตนากระทำผิด จากนี้จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนายความ ส่วนกระแสข่าวการตรวจสอบการสร้างรูปปั้นพญานาคในพื้นป่าสงวน ยืนยันพร้อมจะเข้ามาพบตำรวจ หากถูกดำเนินคดี ถ้ารูปปั้นพญานาคถูกทุบจริง ยอมรับรู้สึกเสียดายและไม่ต้องการให้เกิดขึ้น และขณะนี้ได้ติดต่อวิศวกรเพื่อออกแบบรับรองการสร้างรูปปั้นพญานาคแล้ว รวมถึงปรึกษากับนักกฎหมาย ถึงเรื่องกฏหมายป่าสงวนด้วย

ลุงพล เปิดเผยต่อว่า ไม่กังวลถึงเรื่องผลพิสูจน์เครื่องจับเท็จ ส่วนตัวคิดว่าเรื่องผลเครื่องจับเท็จออกมาช้าเกินไป พร้อมไม่ขอแสดงความเห็นว่าจากนี้สมควรนำใครไปเข้าเครื่องจับเท็จเพิ่มอีก ยอมรับการเข้าเครื่องจับเท็จกับการพิมพ์ลายนิ้วมือรับทราบข้อหาวันนี้ มีความตื่นเต้นเท่ากัน

ด้านนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น ได้เดินทางมาด้วย เปิดเผยว่า ในวันนี้มาให้กำลังใจลุงพล ยอมรับที่ผ่านมามักคอยเตือนสติ และอยู่เคียงข้างลุงพลเสมอ รวมถึงไม่รู้สึกเครียดที่ลุงพลถูกแจ้งข้อหา ยืนยันไม่มีความกังวลถึงเรื่องผลพิสูจน์เครื่องจับเท็จ โดยสุดท้ายหากตัวเองและลุงพลถูกหมายจับจริงตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ ก็พร้อมที่จะสู้ต่อไป เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ