เตือน กิน พาราเซตามอล ระวัง

เตือน กิน พาราเซตามอล ระวัง

จากคำถามที่หลายคนสงสัยว่า กินยาพาราเซตามอลมากๆ จะทำให้ตับพังหรือไม่ และหากกินติดต่อกันเป็นเวลานาน จะส่งผลต่อตับโดยตรงหรือเปล่า ทั้งนี้ สำนักงาน อาหารและยา (อย.) ระบุว่า พาราเซตามอล เป็นยาสามัญประจำบ้าน มีข้อบ่งใช้ในการบรรเทาอาการปวดระดับอ่อน ถึงปานกลาง ลดไข้ บรรเทาอาการปวดศีรษะ ปวดประจำเดือน เป็นยาที่ควรเลือกใช้เป็นอันดับแรกในการบรรเทาอาการปวดต่าง ๆ ยาพาราเซตามอล เป็นยาที่มีความปลอดภัย

แต่อย่างไรก็ตาม การได้รับยาพาราเซตามอลเกินขนาด ส่วนใหญ่พบว่าเกิดจากการกินต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน บ่อยกว่าการตั้งใจกินยาขนาดสูงเพียงครั้งเดียว ซึ่งการได้รับยาพาราเซตามอลเกินขนาดจะส่งพิษต่อตับ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องบริเวณด้านขวาบน มีตับโตกดเจ็บ

หากตรวจเลือด อาจพบค่าที่บ่งว่าการทำงานของตับผิดปกติ ถ้าตับถูกทำลายมากขึ้น อาจพบอาการของตับวายเฉียบพลัน ได้แก่ ตัวเหลือง ตาเหลือง สับสน ซึม ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเสียชีวิตได้ และที่สำคัญ ไม่ควรดื่มสุรา หรือรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาต้านวัณโรค ยากันชัก ร่วมกับการรับประทานยาพาราเซตามอล เพราะอาจทำให้เกิดพิษต่อตับเพิ่มขึ้นโดยยาพาราเซตามอลเป็นยาที่ต้องกินตามน้ำหนักตัว ดังนี้

ยาพาราเซตามอลขนาด 325 มิลลิกรัม

น้ำหนักตัว 22-33 ก.ก. - 1 เม็ด

น้ำหนักตัว 34- 44 ก.ก. - 1 เม็ดครึ่ง น้ำหนักตัว มากกว่า 45 ก.ก. - 2 เม็ด

ยาพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม

น้ำหนักตัว 33-50 ก.ก. - 1 เม็ด น้ำหนักตัว 51-67 ก.ก. - 1 เม็ดครึ่ง

น้ำหนักตัว มากกว่า 67 ก.ก. – 2 เม็ด

โดยการกินยาพาราเซตามอลเป็นเวลานานติดต่อกันเกิน 5 - 7 วันหรือกินเกินขนาด (4 กรัม/วัน) อาจทำให้เกิดพิษต่อตับ และการกินร่วมกับแอลกอฮอล์จะกระตุ้นทำให้เกิดภาวะตับล้มเหลวได้ นอกจากนี้ยังต้องระวังการใช้ยาซ้ำซ้อนเมื่อใช้ยาร่วมกับยาสูตรผสมที่มีพาราเซตามอลอยู่ด้วย เช่นยาแก้หวัด ดังนั้นก่อนใช้ยา ควรอ่านฉลากให้เข้าใจอย่างละเอียดทุกครั้ง ว่ายาแก้หวัดดังกล่าวมีพาราเซตามอลเป็นส่วนผสมอยู่แล้วหรือไม่ ปริมาณเท่าไหร่ หากกินยาพาราเซตามอลต่อเนื่องครบ 5 - 7 วัน แล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรพิจารณายาชนิดอื่นแทน โดยปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อน

ขอบคุณ มติชนออนไลน์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ