กู้ภัยเล่าเหตุการณ์ขนลุก เก็บผู้เสียชีวิตในรถ หลอนเพลงดังเอง ทั้งที่ไม่เสียบกุญแจ

กู้ภัยเล่าเหตุการณ์ขนลุก เก็บผู้เสียชีวิตในรถ หลอนเพลงดังเอง ทั้งที่ไม่เสียบกุญแจ

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.63 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่ หอพักแห่งหนึ่ง ใน อ.เมือง จ.ระยอง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณี ที่หน่วยกู้ภัยสว่างพรกุศลจุดมาบตาพุด ได้พบกับเหตุการณ์สยองขวัญ ขณะเข้าไปเก็บศพผู้เสียชีวิตภายในรถยนต์กระบะ ที่จอดอยู่หน้าหอพักดังกล่าว แต่กลับพบว่า เครื่องเสียงภายในรถกลับมีเพลงดังเอง ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปิดสวิตช์ และยังไม่ได้เสียบกุญแจรถอีกด้วย สร้างความขนลุกให้ขนหัวลุกให้กับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.นิธินันท์ ศรีรัตน์ ร้อยเวร สภ.มาบตาพุด ระยอง รับแจ้งเหตุ พบศพผู้เสียชีวิตภายในรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บน-9559 สุรินทร์ ที่จอดอยู่หน้าหอพพัก จึงประสานแพทย์เวร และหน่วยกู้ภัยสว่างพรกุศลจุดมาบตาพุด เดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบศพ นายอิสระ สะทองบน อายุ 49 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.สุรินทร์ สภาพศพไม่พบบาดแผลการถูกทำร้าย สภาพเริ่มเน่าเปื่อย เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 วัน คาดเสียชีวิตเพราะโรคประจำตัว ก่อนจะนำศพส่ง รพ.ระยอง ตรวจหาสาเหตุต่อไป

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างพรกุศล จุดมาบตาพุด เล่าว่า เป็นเรื่องเหลือเชื่อ ชวนขนหัวลุก โดยเกิดเหตุขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ กำลังเข้าไปเปิดประตูรถยนต์เพื่อระบายกลิ่นศพ ก่อนที่แพทย์จะเข้าตรวจสอบปรากฏว่าได้มีเสียงเพลงดังขึ้น จากเครื่องเสียงภายในรถ เป็นเพลง กอดฉัน ของ อ้วน วารุณี ตอนแรกคิดว่าเปิดไว้ แต่พอมองไปที่เครื่องเสียงปรากฏว่าปิดอยู่

มิหนำซ้ำกุญแจรถก็ไม่ได้เสียบไว้ด้วย ยังวางอยู่บนตัวผู้เสียชีวิตที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ ทุกคนต่างถอยห่าง พร้อมทั้งใช้ไม้ยื่นเข้าไปปิดเสียงเพลงก็เงียบไป แต่ก็เงียบเพียงพักเดียว หลังจากนั้นเสียงเพลงก็ดังขึ้นมาอีก จึงทำให้ทุกคนเชื่อว่าต้องมีพลังงานบางอย่าง หรือความเฮี้ยนของผู้ตายเป็นแน่

ต่อมาหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์เวรเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ก็นำศพลงจากรถมาตรวจพิสูจน์ที่นอกรถ ค้นในตัวพบว่ากุญแจรถวางอยู่บนตัวผู้ตาย จึงเชื่อว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เกิดจากความเฮี้ยนอย่างแน่นอน

ด้านน้องสาวผู้ตาย ที่เดินทางมาติดต่อขอรับศพ เปิดเผยว่า ผู้ตายทำงานอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง หลังทราบข่าวได้เดินทางมารับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.สุรินทร์ โดยเตรียมเข้าไปนำรถออกจากพื้นที่ เพราะทางเจ้าของหอพักต้องการให้เอาออกไปโดยเร็ว เพราะผู้ที่พักในหอดังกล่าวต่างหวาดกลัวมาก ดังนั้นตนจึงเตรียมนำรถกลับไปด้วย พร้อมจุดธูปบอกวิญญาณพี่ชายให้กลับบ้าน ส่วนเรื่องสาเหตุก็คงต้องรอผลการพิสูจน์ และรอตำรวจสรุปคดีอีกครั้ง

ทั้งนี้ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตด้วยนะคะ ส่วนเรื่องเครื่องเสียงที่ติดเองนั้น ต้องใช้วิจารณญาณในการรับชมค่ะ

เรียบเรียง mumkhao

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ