แม่ร่ำไห้แทบขาดใจ ลูกชายถูกรถชนลากศพ ไปไกลกว่า 10 กม

แม่ร่ำไห้แทบขาดใจ ลูกชายถูกรถชนลากศพ ไปไกลกว่า 10 กม

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม เพจ หนังสือพิมพ์มิติมหาชัย แม่ร่ำไห้แทบขาดใจ ลูกชายถูกรถชนลากมาไกลกว่า 10 กม. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร รับแจ้งพบศพชายถูกทิ้งไว้ริมถนนคู่ขนานพระราม 2 สืบย้อนกลับไปพบเป็นเคสที่เกิดอุบัติเหตุ ในพื้นที่ สภ.กระทุ่มแบน ห่างจากจุดพบศพไกลกว่า 10 กิโลเมตร เชื่อถูกรถคู่กรณีลากศพติดมาด้วย ด้านแม่ผู้ตายรุดดูศพร่ำไห้แทบขาดใจ หน้าตาไม่เหลือสภาพ จำได้เพียงรอยสักที่ขาลูกชาย

เรื่องราวสลดครั้งนี้ถูกเปิดเผยเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น.ของวันที่ 30 ตุลาคม 2563 ร.ต.อ.สมพิศ บุญลือ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่า พบศพผู้ชายถูกทิ้งไว้ริมถนนคู่ขนาน พระราม 2 ขาเข้ากรุงเทพ ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จึงได้ประสานมูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร พร้อมเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบศพผู้ชายทราบชื่อต่อมาคือ นายคุณานนต์ ฤกษ์กำยี อายุ 16 ปี ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร สภาพศพไม่มีเสื้อผ้าปกปิดร่างกาย และมีรอยครูดตามร่างกายเหมือนถูกลากมาตามถนนด้วยความเร็ว โดยเฉพาะส่วนใบหน้าไม่สามารถจำลักษณะรูปพรรณได้เลย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปยัง นางสุรีพร โหมดสกุล อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นมารดาผู้เสียชีวิตให้มายืนยันศพ เมื่อนางสุรีพร เดินทางมาเห็นสภาพศพของลูกชายตนเองก็ทรุดลงร้องไห้แทบขาดใจ แม้เจ้าหน้าที่จะเข้าไปปลอบใจ แต่นางสุรีพรก็ยังคงเสียใจ และขอกอดศพลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งสร้างความหดหู่ใจให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก

จากการสอบถามทราบว่า เมื่อช่วงเช้าเวลาประมาณ 07.00 น.ตำรวจได้รับแจ้งจากสาวโรงงานว่าพบศพถูกทิ้งไว้ในพงหญ้าริมถนนพระราม 2 เมื่อตรวจสอบข้อมูลจึงพบว่ามีเคสรับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ บนถนนพุทธสาคร บริเวณจุดกลับรถก่อนถึงแยกเข้าอำเภอกระท่มแบน ท้องที่ สภ.กระทุ่มแบน เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ซึ่งห่างจากจุดพบศพไกลกว่า 10 กิโลเมตร แต่เคสนั้นเจ้าหน้าที่พบเพียงรถจักรยานยนต์

แต่ไม่พบศพหรือคนเจ็บ จึงเข้าใจว่าศพถูกลากมากับรถคู่กรณี และคงถูกนำมาทิ้งไว้ในพงหญ้าข้างทางริมถนนพระราม 2 ประกอบกับทางแม่ของผู้เสียชีวิตซึ่งทราบว่าลูกชายตนเองเกิดอุบัติเหตุแต่ไม่พบร่าง พบเพียงรถจักรยานยนต์ในที่เกิดเหตุ ได้ประสานติดต่อเข้ามาจึงแจ้งให้มาดูศพ เพื่อยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่

ด้าน นางสุรีพร เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ช่วงประมาณ 3-4 ทุ่ม ของวันที่ 29 ต.ค.63 ลูกชายตนเองได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน โดยบอกเพียงว่าจะไปที่หาแฟนสาวที่บ้าน หลังจากนั้นเวลาประมาณ 05.00 น.ของวันที่ 30 ต.ค.63 ก็มีตำรวจโทรเข้ามาหาตนเอง แจ้งว่ารถจักรยานยนต์ที่ลูกชายขี่ออกไป ใช่ของตนเองหรือไม่ และลูกชายได้กลับเข้าบ้านหรือยัง และถามว่าลูกชายไปไหน แต่ตอนนั้นตำรวจยังไม่บอกอะไรมาก แต่ตนเองก็เริ่มเอะใจ จึงโทรถามไปตามโรงพยาบาลต่างๆแต่ก็ไม่มีชื่อลูกชาย

กระทั่งแฟนของลูกชายโทรถามจนทราบจากตำรวจว่าพบศพตรงจุดริมถนนพระราม 2 จึงตัดสินใจเดินทางมาดูศพ โดยก่อนหน้านี้ตนเองก็ทราบว่าทางโรงพยาบาลวิชัยเวช ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุบนถนนพุทธสาคร แต่เมื่อไปถึงพบแต่รถจักรยานยนต์จอดอยู่ แต่ไม่พบคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

และยังพบเศษชิ้นส่วนของรถตู้ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ตำรวจไม่ได้แจ้งอะไรจนมาเจอศพตรงจุดที่ถูกนำมาทิ้ง ตอนแรกคิดว่าไม่ใช่ลูกชายตนเอง เพราะมันลากมาไกลมากเลย มันใจดำมากเลย ถ้ามันชนและมันหยุด หรือมันทิ้งไว้อย่างนั้น ก็อาจมีคนมาเจอและพาไปโรงพยาบาล แต่นี่มันลากจนไม่เหลืออะไรเลยและยังไปทิ้งข้างเสาไฟอีก มันไม่น่าใช่คน ไม่น่าทำแบบนี้เลยคะ

นางสุรีพร กล่าวทั้งน้ำตา ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวแม่ผู้เสียชีวิตไปยัง สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อสอบถามเพิ่มเติม และจะได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ขอบคุณ หนังสือพิมพ์มิติมหาชัย

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ