สาวิตรี เครียดหนัก หลังคลิปเสียงโผล่ว่อน ไม่กล้าออกไปไหนแม้กระทั่งซื้อกับข้าว

สาวิตรี เครียดหนัก หลังคลิปเสียงโผล่ว่อน ไม่กล้าออกไปไหนแม้กระทั่งซื้อกับข้าว

จากกรณียูทูบช่องหนึ่ง ปล่อยคลิปเสียงปริศนา EP4 ผู้หญิงคุยกับคนในบ้านกกกอก โดยคนในบ้านกกกอก ตั้งข้อสันนิฐานว่า ตอนเจอศพน้องชมพู่ แล้วส่งไปตรวจชันสูตรครอบครัวไม่เห็นมีใครไปสักคน มีแต่ลุงพลที่ตามไป ตั้งแต่รับศพลูกมาที่จังหวัดอุบลฯ มาไว้ที่บ้าน ก็เตรียมที่จะเผา

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

โดยเสียงผู้ชาย ยังบอกอีกว่า ไม่รู้ว่าครอบครัวทะเลาะอะไรกัน ตอนออกตามหาน้องชมพู่ จนกระทั่งเจอศพ คืนก่อนเผาช่วงตี 2 ตำรวจนำร่างน้องไปตรวจที่นิติเวช รพ.ตำรวจ กรุงเทพฯ ลุงพลก็เป็นคนเดียวที่ตามตำรวจไป

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

ขณะเดียวกันหญิงสาว ได้ถามชายในคลิปว่า ไม่รู้ใครให้คนในครอบครัว พูดว่า คนร้ายอยู่ในบ้าน ชายในคลิป ตอบว่า ไม่รู้ว่า จุดประสงค์จะบอกว่าคนร้ายอยู่ในหมู่บ้าน หรืออยู่ในบ้าน ถ้าความหมายบ้าน ก็คงหมายถึงบ้านของคนที่พูด ส่วนเหตุผลที่ออกมาพูดแบบนั้น คาดว่าคงเมา ถ้าไม่เมาคงไม่กล้าไปพูดหน้าบ้านลุงพล

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

ขณะเดียวกันหญิงสาว ได้ถามชายในคลิปว่า ไม่รู้ใครให้คนในครอบครัว พูดว่า คนร้ายอยู่ในบ้าน ชายในคลิป ตอบว่า ไม่รู้ว่า จุดประสงค์จะบอกว่าคนร้ายอยู่ในหมู่บ้าน หรืออยู่ในบ้าน ถ้าความหมายบ้าน ก็คงหมายถึงบ้านของคนที่พูด ส่วนเหตุผลที่ออกมาพูดแบบนั้น คาดว่าคงเมา ถ้าไม่เมาคงไม่กล้าไปพูดหน้าบ้านลุงพล

ทั้งนี้ยังมีเสียงปริศนา EP พิเศษ ที่ตั้งประเด็นและข้อสงสัยเรื่องการเงินบริจาค 3 ล้านบาท แต่แม่น้องชมพู่บอกว่ามีแค่ 1-4 แสนบาท และมีการเปิดเผยว่า วันที่ 12-14 พ.ค.63 มีคนนำเงินสดมาให้ไม่ต่ำกว่า 5 แสน หมื่นบาท ส่วนระยะเวลา 7-10 นาที ไทม์ไลน์ของลุงพลนั้น ไม่สามารถทำอะไรได้ เข้าห้องน้ำก็หมดเวลาแล้ว

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

ล่าสุดวันที่ 23 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ทราบข้อมูลว่า วันนี้ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ผู้ใหญ่นิ่ม เดินทางไปพร้อมกับภรรยา นำเอกสารและหลักฐานกรณีคลิปเพิ่มเติม ไปมอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร เพื่อดำเนินคดีกับคนดัง และหญิง 2 คนที่มีการโทรหาผู้ใหญ่ ก่อนนำคลิปไปเผยแพร่ โดยสภ.กกตูม รับแจ้งเอาไว้ 1.หมิ่นประมาทด้วยการนำเข้าและโฆษณา 2.ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ จนทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับเอาไว้ก่อน จากนั้นจะพิจารณาตามหลักฐาน

ตำรวจ สภ.กกตูม ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า กรณีคลิปที่ถูกเผยแพร่ เป็นข้อมูลพื้นฐานของการทำงานในคดีน้องชมพู่ ซึ่งตำรวจได้ดูรายละเอียดดังกล่าวไว้หมดแล้ว ดังนั้นจึงเชื่อว่าคลิปจะไม่มีผลต่อคดี เพราะตำรวจได้ทำงานและหาข้อมูลเหล่านั้นเอาไว้ทั้งหมด แต่ในช่วงระยะหลังที่มีตำรวจลงพื้นที่เพิ่มขึ้น เป็นเพราะว่ามีการสอบถามเพื่อยืนยันความชัดเจน หลังจากที่ก่อนหน้านี้การสอบปากคำเอาไว้เท่านั้น กรณีนายธนกฤต หลาบโพธิ์ สามีผู้ใหญ่บ้านขัวสูง โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว ทำนองว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาหาที่เถียงนา มาคุยเรื่องคดีชมพู่ จึงหยิบมือถือขึ้นมาจะถ่ายคลิปไว้ แต่ตำรวจไม่ให้ถ่าย เจ้าตัวก็พร้อมจะให้ความร่วมมือ และตอบตามความจริง

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

ทีมข่าว เดินทางไปพบกับนายธนกฤต หลาบโพธิ์ สามีผู้ใหญ่บ้านขัวสูง ในฐานะพยานของพ่อน้องชมพู่ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้มีตำรวจชุดสืบ ยศผู้กองและดาบตำรวจ เดินทางมาหาในสวนยาง มาสอบถามเพื่อยืนยันเวลาที่เจอพ่อน้องชมพู่บนถนน โดยตนยืนยันดังเดิมว่าเจอจริง แต่ไม่ได้เจอที่นาตามที่พ่อให้ข้อมูล และจะขอเป็นพยานให้ในส่วนที่พบเห็นเท่านั้น

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

ส่วนพฤติกรรมอื่น ตนขอไม่ยุ่งเกี่ยว จากนั้นตำรวจใช้เวลาเพียง 15 นาที ก็กลับออกไป โดยมีการลงบันทึกในเอกสาร แต่ไม่ได้มีอะไรให้ตนเองเช็น และการเป็นพยานก็ไม่ได้มีความกังวลใจอะไร ตอบเท่าที่รู้ ให้ข้อมูลเท่าที่เห็น

เรื่องคลิปเสียง 5 คลิป ที่ปล่อยออกมา ตนได้ฟังครบทั้งหมดแล้ว คนในคลิปก็คือ ผู้ใหญ่นิ่ม ตนสนิทมาตั้งแต่เด็ก ๆ จึงจำได้แม่น และการพูดเกี่ยวกับคดีก็เป็นความจริงทั้งหมด ไม่ใช่ข้อมูลเท็จ การพูดไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่พูดออกมาด้วยความอึดอัดใจ ที่เจอแรงกดดันหลายฝ่าย ทั้งอำเภอ ทั้งตำรวจ ผู้ใหญ่จึงยอมเล่าหมดเปลือก แบบไม่ได้คิดถึงผลกระทบ นายธนกฤต ยังเล่าย้อนเกี่ยวกับวันที่ ตำรวจสภ.กกตูม มีการเรียกสอบบุคคลเกี่ยวกับคดีชมพู่ ซึ่งกลุ่มของตนเองคือ ชาวบ้านกลุ่มแรกที่ถูกเรียกสอบ หลังเจอศพน้องชมพู่ วันที่ 14 พ.ค.63 จากนั้น 15 พ.ค.63 มีสายโทรศัพท์จากชาวบ้านกกกอก โทรมาบอกว่า “ลูกสาวเห็นคนเสื้อส้มอุ้มชมพู่ไป” ตนจึงแจ้งตำรวจ

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

จากนั้นช่วงบ่าย ตำรวจเรียกให้ตน น.ส.เปิ้ล ช่างวา และพ่อแม่ชมพู่ มาสอบปากคำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มของการสืบคดี ตนสังเกตพฤติกรรมของคนในกลุ่มที่ถูกเรียกสอบ มีคน 2 คนตื่นตกใจ และวิตกกังวลมากที่สุด โดยคนในกลุ่มพยายามพูดว่า “ลุงรู้ใช่ไหม ลุงเห็นใคร ลุงเห็นหน้าไหม บอกหน่อย” ซึ่งเกิดอาการกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด ตนก็ยังนึกสงสัยจนถึงทุกวันนี้ ว่าทำไมคน 2 คน ถึงมีอาการแปลกกว่าคนอื่น ซึ่งอาจเกี่ยวข้องหรือรู้อะไรบางอย่างหรือไม่

นอกจากนี้ทีมข่าว ยังได้เดินทางไปหา น.ส.เปิ้ล (นามสมมติ) แม่ของแก๊งเด็กจำปา ในฐานะกลุ่มพยานชุดแรกที่ตำรวจเรียกสอบหลังเจอศพน้องชมพู่ เปิดใจว่า ในวันที่ถูกเรียกสอบมีด้วยกันทั้งหมด 5 คน (น.ส.เปิ้ล นายธนกฤต ช่างวา พ่อและแม่ชมพู่) ส่วนใหญ่จะมีการคุยเรื่องแบะแสคนร้าย และเรื่องชายเสื้อส้ม

เพราะตอนนั้นลูกสาวมาบอกว่ามีชายเสื้อส้มอยู่แถวบ้านชมพู่ แต่ตนไม่ทันได้สังเกตพฤติกรรมว่าใครมีพิรุธตามที่นายธนกฤตบอกหรือไม่ เพราะฟังและตอบคำถามอยู่กับตำรวจ แต่เชื่อว่าสิ่งที่นายธนกฤตตั้งข้อสงสัยใครบางคนในกลุ่ม เป็นเพราะว่าเขาอาจต้องการรู้แบะแสคนร้ายก็ได้ แต่ในมุมของตนยืนยันอีกครั้งว่า จะไม่เป็นพยานให้ใคร เพราะไม่เห็นหรือจำช่วงเวลาของใครในวันที่ 11-14 พ.ค.63 ส่วนเรื่องคลิป ยอมรับว่าตนไม่ได้ฟังหรือดูทั้งหมด ส่วนใหญ่จะฟังมาจากชาวบ้าน แต่ชาวบ้านลงความเห็นร่วมกันว่า เป็นเสียงผู้ใหญ่บ้าน แต่ทั้งนี้ตนขอไม่แสดงความเห็นว่า การสนทนาดังกล่าวต้องการสื่อถือเรื่องอะไร จะเป็นความจริงหรือไม่

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

ส่วนภายในพื้นที่หมู่บ้านกก วันนี้พบว่าชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตตามปกติ และพบเห็นรถตำรวจและเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่น้อยลง ไม่มากเหมือนเมื่อวานที่ผ่านมา ขณะที่บ้านลุงพล ยังคงมีชาวบ้านมาเปิดร้านขายของตามปกติ และมีกลุ่มคนเดินทางมาให้กำลังใจต่อเนื่อง แต่ค่อนข้างบางตา ด้านครอบครัวของน้องชมพู่ ยังคงอาศัยอยู่ภายในบ้าน ไม่ได้ออกไปไหน หลังถูกปล่อยคลิป ทำให้ถูกมองไม่ดี ไม่กล้าไปพบเจอหน้าใคร

ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

นอกจากนี้ ทีมข่าวได้คุยกับ นายไชย์พล วิภา - นางสมพร หลาบโพธิ์ ลุงกับป้าของชมพู่ เปิดเผยว่า กรณีคลิปที่เผยแพร่ ตนมองว่าทุกอย่างคือเรื่องจริง เพราะผู้ใหญ่บ้านมีการพูดคุยกับปลายสาย และไม่เชื่อว่าผู้ใหญ่โกหก หรือตอบข้อความรำคาญ เนื่องจากมีการพูดคุยกันนานพอสมควร และหากเป็นไปได้ ตนก็อยากให้ครอบครัวของพ่อแม่น้องชมพู่ ออกมาแสดงความชัดเจนและตอบคำถามตามที่สังคมสงสัย แต่ทั้งนี้ตนก็ไม่ได้บังคับ เพราะยังเข้าใจในฐานะครอบครัวผู้สูญเสีย

ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของครอบครัวพ่อแม่น้องชมพู่ แล้วหลังจากนี้ หากหมอปลาเดินทางมาถึง แล้วนำคลิปไปมอบให้ผู้การจังหวัดมุกดาหาร ตนก็เชื่อว่าคลิปนี้เป็นประโยชน์ต่อคดี ทำให้มีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น ส่วนกรณีที่ตำรวจลงพื้นที่สอบปากคำพยานฝั่งของพ่อแม่น้องชมพู่นั้น ลุงพล บอกว่า ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ตำรวจจะต้องมีการเรียกสอบ เพราะตนก็เคยเข้าใจความรู้สึกตรงนี้แล้ว แต่ตำรวจก็ควรจะทำแบบนี้นานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะมาทำ เพราะการสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ก็จะเป็นผลดีต่อคดี

คลิป

ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ