ส่ออลวน พ่อชมพู่ยันเจอพยานตอนทำนา อีกฝ่ายขับรถไถโชว์โต้เจอที่ถนนวันชมพู่หาย

ส่ออลวน พ่อชมพู่ยันเจอพยานตอนทำนา อีกฝ่ายขับรถไถโชว์โต้เจอที่ถนนวันชมพู่หาย

สำหรับเรื่องราวของน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ยังเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ล่าสุดจากกรณีพิกัดพยานพบพ่อชมพู่ไม่อยู่ที่นา นางอยู่ พบพ่อชมพู่ที่นา เวลา 08.30 น. นางมิน พบพ่อชมพู่ที่นา เวลา 10.00 น. และนายธนกฤต พบพ่อชมพู่ที่ถนนบ้านกกกอก ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

นางอยู่ เวลาที่พบ 08.30 น. ที่นา

นายธนกฤต เวลาที่พบ 09.22 น. ถนนบ้านกกกอก

นางมิน เวลาที่พบ 10.00 น. ที่นา

นายแสงโต ไม่พบพ่อชมพู่

ส่วนประเด็นที่นายธนกฤต เจอนายอนามัยที่ถนนบ้านกกกอก ในเวลา 09.20 น. ซึ่งขัดแย้งกับเวลาที่พ่ออ้างนั้น ล่าสุดวันที่ 10 ก.ค.63 นายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อน้องชมพู่ ยืนยันกับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า ตนเจอกับนายธนกฤต อยู่ที่นายายอุ่น ตอนนั้นตนกำลังไถนาอยู่นายายอุ่น ที่อยู่ติดถนนบ้านกกกอก แต่ตนจำไม่ได้ว่าตอนที่เจอธนกฤตนั้น เป็นเวลาอะไร วันนั้นตนเจอธนกฤต และมีการพยักหน้าให้กันอยู่เลย นายอนามัย เผยอีกว่า วันที่ตนไปไถนายายอุ่นนั้น ไม่ใช่แค่ตนไถนาอย่างเดียว บริเวณนายายอุ่นจะมีหลุมลึกจากน้ำเซาะ ลึกขนาดถึงเอว

ตนต้องไถปรับที่นาให้อีกด้วย ซึ่งก็ใช้เวลานานชั่วโมงกว่า ๆ พอปรับที่นาเสร็จตนก็ไถนาต่อ แต่ตอนที่ไถนาก็ใช้เวลาไม่นาน ตนจำไม่ได้ว่ากี่นาที เรื่องนี้ตนไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน ลำพังการไถนาอย่างเดียว ตนไม่ใช้เวลานานอยู่แล้ว ทั้งนี้ตนไม่รู้สึกกังวลเรื่องไทม์ไลน์อยู่แล้ว ถ้าจะจับผิดตนเองจริง ๆ ตนก็ท้าให้ไปตรวจจากสัญญาณโทรศัพท์ตนในวันนั้น และวันที่ 11 พ.ค.63 ตอนที่ตนไถนานั้น ตนก็ไม่ได้แวะเข้ามาในบ้านแต่อย่างใด ขอยืนยันอีกว่าตนเห็นนายแสงโต ขับรถไถนานำหน้านายธนกฤต ส่วนที่นายแสงโต ออกมาให้ข่าวว่าไม่เห็นตนเอง ก็คิดว่าเขาคงไม่เห็นจริง ๆ คิดว่าอาจไม่ทันได้มอง

โดย 4 คนที่เป็นพยานให้ตนเองก่อนหน้านี้ คือนางปาน นายธนกฤต นางมิน เมียช่างวา และนายแสงโต แต่ถ้านายแสงโตบอกว่าไม่เห็นตน ตนก็คิดว่าไม่เป็นอะไร แค่นายธนกฤตเห็นก็พอ แค่พยานขาด 1 คน ตนก็ไม่คิดมาก ทีมข่าว ได้พูดคุยกับ นายสุทธิชัย งันลาโสม หรือช่างโด่ง ชาวบ้านกกตูม คนที่ทำงานไสไม้อยู่หลังบ้านนายเเอ๋ม ในวันที่ 11 พ.ค.63 ที่น้องชมพู่หายไป เล่าว่าในวันดังกล่าว ตนออกจากบ้านเวลา 08.00 น. เพื่อไปทำงานไสไม้หลังบ้านนายพิศนุพร ระหว่างทางได้เเวะหาลูกชายในหมู่บ้านกกกอก

เเล้วถึงจุดที่ทำงานเวลา 08.20 น. ซึ่งในตอนนั้นไม่เห็นรถไถ เเละไม่เห็นพ่อน้องชมพู่เเล้ว คาดว่าออกไปก่อนที่ตนเองจะมาถึง จากนั้นก็ทำงานตามปกติ จนกระทั่งไฟดับ ซึ่งตนจำเวลาที่เเน่ชัดไม่ได้ เพราะไม่มีนาฬิกา เเต่คาดว่าประมาณ 09.00-10.00 น. พ่อน้องชมพู่ขับรถไถสีส้มกลับเข้ามาที่บ้าน ตนจึงทราบว่าน้องชมพู่หายตัวไป จึงช่วยกันตามหา เเต่จำไม่ได้ว่าพ่อน้องชมพู่ใส่เสื้อสีอะไร ช่างโด่ง

ยังกล่าวอีกว่า ส่วนตัวรู้จักทั้งลุงพล เเละรู้จักทั้งพ่อน้องชมพู่ ตนพร้อมเป็นพยานเฉพาะเรื่องที่ตนเองเห็น เเต่หากจะให้เป็นพยานยืนยันว่าใครทำหรือไม่ทำ ตนไม่พร้อม เพราะไม่ทราบว่าความจริงเป็นอย่างไร นางอยู่ ใจเที่ยง อายุ 60 ปี เป็นพยานยืนยันว่าช่วงเวลาที่น้องชมพู่หายไป

เห็นพ่อน้องชมพู่กำลังไถนาอยู่ โดยนางอยู่เล่าว่า วันที่ 11 พ.ค.63 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 08.30 น. ตนขี่รถจักรยานยนต์จากบ้าน เพื่อจะไปสวนยางพารา เเละไร่มันสำปะหลัง เเต่ระหว่างทางขี่ผ่านทุ่งนาของนางอุ่น เเล้วเห็นพ่อน้องชมพู่ขับรถไถสีส้ม กำลังไถนาอยู่ ซึ่งถึงเเม้ว่าจะไม่ได้จอดดู เเต่ก็จำได้เเม่นว่าเป็นพ่อน้องชมพู่จริง ๆ ยืนยันว่าพูดความจริง เเละก็พร้อมที่จะเป็นพยานให้พ่อน้องชมพู่ด้วย หลังจาก ได้พูดคุยกับ นายธนกฤต หลาบโพธิ์ สามีผู้ใหญ่บ้านขัวสูง เเละเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเเม่น้องชมพู่ คนที่ยืนยันว่าเห็นพ่อน้องชมพู่ในวันที่ 11 พ.ค.63 เวลา 09.20 น. นายธนกฤต เปิดเผยว่า

หลังจากที่ให้สัมภาษณ์ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตำรวจได้มาสอบปากคำเรื่องพ่อน้องชมพู่ ว่าตนเองเห็นจริงหรือไม่ เห็นเวลาเท่าไหร่ ตนก็ตอบไปตามความเป็นจริง ตามที่สื่อนำเสนอว่าเห็นช่วงหลัง 09.00 น. ไปเเล้ว ส่วนกรณีที่พ่อน้องชมพู่ ชี้เเจงว่าวันที่ 11 พ.ค.63 ตอนที่พยักหน้าทักทายกับนายธนกฤต ตอนนั้นพ่อน้องชมพู่กำลังไถนาให้ยายอุ่น อยู่ริมถนนนั้น นายธนกฤต ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตอนนั้นพ่อน้องชมพู่ขับรถไถสีส้มอยู่บนถนน ยังไปไม่ถึงนายายอุ่น เเละจุดที่สวนทางกัน อยู่ห่างจากนายายอุ่น 1.1 กิโลเมตร ตนยืนยันว่าพูดความจริง เเละเป็นความจริงที่ต้องพูด ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น นายธนกฤต ยืนยันว่า ตนเห็นในเวลาดังกล่าวจริง โดยวันที่ 11 พ.ค.63 ตนขับรถอีเเต๋น เพื่อจะไปรับจ้างหยอดข้าวในหมู่บ้านกกกอก

โดยออกจากบ้านเวลา 08.30 น. เเล้วเเวะซื้อน้ำเเข็งที่ร้านค้า จากนั้นออกจากร้านค้า เวลา 08.37 น. เดินทางมุ่งหน้าบ้านกกกอก เเต่ระหว่างทาง เวลาประมาณ 09.20 น. ได้ขับสวนทางกับพ่อน้องชมพู่ ซึ่งพ่อน้องชมพู่ขับรถไถสีส้ม สวนมาจากหมู่บ้านกกกอก ก็ได้มีการพยักหน้าทักทายกัน ซึ่งพ่อน้องชมพู่ขับรถมาคนเดียว ส่วนการเเต่งกายตนเองจำไม่ได้ ยืนยันว่าเห็นเวลาดังกล่าวจริง เเละตอนนั้นพ่อน้องชมพู่ยังขับรถไม่ถึงนา ส่วนกรณีที่พ่อเเม่น้องชมพู่ สงสัยว่าลุงพลเป็นคนร้าย ตนเองไม่เชื่อว่าลุงพลจะก่อเหตุ

เป็นไปไม่ได้ตอนนี้รู้สึกสงสารลุงพลมาก เเต่ตนเองกลับรู้สึกสงสัยพ่อน้องชมพู่ ที่ให้ข้อมูลว่าออกจากบ้าน เวลา 07.30 น. ซึ่งควรจะถึงนาไม่เกิน 07.37-07.40น. เเต่เหตุใดตนเองจึงเห็นหลังเวลา 09.00 น. อีกทั้งยังรู้สึกสงสัยว่าเหตุใดไม่ขึ้นไปดูลูก เพราะหากเป็นลูกของตนเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็จะต้องขึ้นไปดูลูกให้ได้

ทีมข่าวได้ทดลองให้นายธนกฤต จำลองสถานการณ์เสมือนจริง ขับรถอีเเต๋นคันดังกล่าวจากบ้าน หมู่บ้านขัวสูง ไปยังจุดที่อ้างว่าขับรถสวนทางกับรถไถของพ่อน้องชมพู่ ระยะทางห่างจากบ้านนายธนกฤต 6 กิโลเมตร เเละทีมข่าวได้ทดลองจับเวลา โดยเริ่มขับรถออกจากหน้าบ้าน ระหว่างทางได้เเวะซื้อน้ำเเข็งที่ร้านค้า อยู่ห่างจากบ้านนายธนกฤต 100 เมตร

ซึ่งนายธนกฤตระบุว่าวันที่ 11 พ.ค.63 ตอนที่กำลังซื้อน้ำเเข็ง คือเวลา 08.37 น. นายธนกฤตอ้างอิงหลักฐานจากโทรศัพท์ ที่มีการบันทึกข้อมูลเเละเสียงการโทร ระหว่างนายธนกฤต กับผู้ว่าจ้างให้ไปหยอดเมล็ดข้าว ซึ่งเสียงการสนทนา นายธนกฤตพูดว่ากำลังซื้อน้ำเเข็ง โดยปรากฎเวลา ณ ขณะนั้น คือ 08.37 น. ใช้เวลาซื้อน้ำเเข็ง 2 นาที

จากนั้นนายธนกฤตได้ขับรถอีเเต๋น มุงหน้าหมู่บ้านกกกอก จนกระทั่งถึงบริเวณที่นายธนกฤตระบุว่าขับสวนทางกับพ่อน้องชมพู่ คือบริเวณสะพานห้วยสีฐาน หมู่บ้านกกกอก ซึ่งจุดสวนทางอยู่ห่างจากบ้านน้องชมพู่ 1.2 กิโลเมตร เเละห่างจากนายายอุ่น 1.1 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางจากบ้านนายธนกฤต ถึงจุดสวนทาง 26 นาที 7 วินาที ทั้งนี้นายธนกฤต ยอมรับว่า ตนเคยเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีน้องชมพู่ เพราะในวันดังกล่าวตนเดินทางไปที่หมู่บ้านกกกอก เพื่อไปรับจ้างหยอดข้าว ตำรวจจึงได้เชิญตัวไปสอบปากคำ 4 ครั้ง เเต่ก็ยืนยันในความบริสุทธิ์ ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องยาเสพติด นายธนกฤตไม่เคยถูกจับ เเละไม่เคยถูกดำเนินคดี เเต่ยอมรับว่าเคยเสพ ซึ่งที่ผ่านมาตนเคยถูกดำเนินคดีเเค่คดีเดียว คือเมาเเล้วขับเท่านั้น

สำหรับข้อแตกต่างข้อมูลระหว่างพ่อชมพู่ กับ นายธนกฤต สรุปไว้ดังนี้ โดยนายอนามัย บอกว่า เวลา 09.20 น. อยู่ที่นา หลักฐานจากโทรศัพท์มือถือจับ GPS ตำรวจได้ตรวจสอบแล้ว ส่วนนายธนกฤต บอกว่า เจอพ่อชมพู่ที่ถนนบ้านกกกอก หลักฐานโทรศัพท์มือถือคุยกับเพื่อนบริเวณบ้าน

ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ