จากกรณีคดีน้องชมพู่ ที่ผ่านไปนานกว่า 1 เดือน แต่ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายว่า ซึ่งนางแตงโม (นามสมมติ) พย านของคดีนี้ เปิดเผยว่า หลังจากตนให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา หนึ่งวันให้หลังก็มีจดหมายขู่วางที่แคร่หน้าบ้าน มีขวดน้ำเปล่าทับไว้ กระดาษที่เขียนเป็นกระดาษสมุดนักเรียนที่ไม่เก่ามาก ส่วนตัวหนังสือตัวอักษรไม่ชัด คล้ายกับว่า ใช้มือข้างไม่ถนัดเขียน เพื่อทำให้สืบค้นย าก ข้อความคือ อย่าพูดมาก รู้มาก มันจะเข้าตัว

แต่ทางตนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก อ่านเสร็จก็นำไปเผา แล้วก็ไปทำเรื่องรับเงินสามีเสียชีวิตต่อ แล้วไปซื้อกับข้าว จังหวะนั้นเอง คนที่รอซื้อกับข้าวก็ถามตนว่า เจ้ ทำไมกล้าออกสื่อ ระวังนะ รู้มาก พูดมาก มันจะเข้าตัวนะ ทำให้ตนเอะใจขึ้นมา ทำไมข้อความเหมือนในจดหมายล่ะ แล้วฉุกคิดได้ว่า การที่ตนออกสื่อแบบนั้นมันอาจอันตราย

ขณะเดียวกัน เพื่อนๆ ก็บอกตนว่า การที่ไปให้ข่าวแบบนั้น มันเสี่ยงถึงแก่ชีวิตได้ ทำให้ตนรู้สึกกลัว แต่ตอนนี้สบายใจแล้วเพราะไปแจ้งความ ตำรวจให้การคุ้มครอง ขณะที่ชาวบ้านหลายคนที่มาบอกตน ก็ยอมรับว่าเห็นรถแบคโฮแบบตนเหมือนกัน แต่ไม่กล้าพูด บางคนสื่อก็ยังไม่ไปถาม

ด้านนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ กล่าวว่า ข้อมูลเรื่องรถแบคโฮที่นางแตงโมออกมาให้ข้อมูล ตนจำได้ว่า วันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเคยให้ตนชี้จุดชมพู่หาย ตอนที่ชี้จุดก็ไม่เจอรถแบคโฮ เจอแต่ลูกมะม่วง ชาวบ้านน่าจะเข้าใจผิด

ส่วนเรื่องจดหมายข่มขู่ ตนมองว่า ไม่น่าเผาจดหมายทิ้ง เพราะถือเป็นหลักฐานสำคัญมาก ๆ สามารถเอาตัวหนังสือหรือดีเอ็นเอในจดหมายเทียบตัวคนร้ายได้ทันที หรือถ้าทางพยานถูกทำร้าย ก็เป็นหลักฐานสำคัญได้ แต่ถ้ามองอีกมุม ตอนนี้ที่นี่มีตำรวจและนักข่าวอยู่มาก ก็ไม่น่าจะมีคนร้ายคนไหนเอาจดหมายข่มขู่ไปหย่อนที่หน้าบ้านพยาน

ถือเป็นอีกหนึ่งคดีที่ได้รับความสนใจจากคนทั่วประเทศ ที่ใช้เวลาในการจับตัวคนร้ายได้ยากมาก ซึ่งทุกคนอยากจะให้จับตัวคนร้ายได้โดยเร็ว

ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว

เรียบเรียง mumkhao