ชาวบ้านแปลกใจ แม่น้องชมพู่ จำชุดที่ลูกใส่ในวันหายตัวผิด

ชาวบ้านแปลกใจ แม่น้องชมพู่ จำชุดที่ลูกใส่ในวันหายตัวผิด

เมื่อวันที่ 2 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับนางปิ่น นามสมมติ ชาวบ้านกกกอก ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.63 ที่ผ่านมา หลังจากที่ตนทราบข่าวว่าน้องชมพู่หายตัวไป ตนก็ได้เดินทางไปที่บ้านของน้องชมพู่ เพื่อรวมกลุ่มค้นหากับชาวบ้านคนอื่น ๆ ในเวลา 10.00 น.

ตอนที่ตนไปที่บ้านน้องชมพู่ นางสาวตรี ก็ให้ข้อมูลกับพวกตนว่า น้องชมพู่หายก่อนจะหายตัวไปนั้น ได้แต่งกายสวมเสื้อสีขาว กางเกงขายาวสีม่วงแถบขาว ซึ่งเป็นกางเกงกีฬาของโรงเรียนกกตูม เมื่อตนได้รับข้อมูลกับแม่น้องชมพู่ ก็ได้ออกตามหาน้องชมพู่ แต่ก็ไม่เจอ กระทั่งวันที่ 12 พ.ค.63 มีหมอธรรมมาช่วยค้นหาน้องชมพู่ นางสาวิตรีก็ยังให้ข้อมูลหมอธรรมเหมือนเดิม ว่าน้องชมพู่ สวมกางเกงขายาวสีม่วงแถบขาว และยืนยันอีกว่าเป็นกางเกงที่น้องชมพู่ ใส่ตั้งแต่คืนวันที่ 10 พ.ค.63 ทั้งนี้ในวันที่ 14 พ.ค.63 มีการเจอศพน้องชมพู่ และห่างจากศพออกไป ก็มีกางเกงขาสั้นสีแดง ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลของแม่น้องชมพู่ ที่ให้ว่าลูกสาวสวมกางเกงขายาวสีม่วง

ในตอนแรกตนก็คิดว่าแม่น้องชมพู่คงจำไม่ได้ แม่น้องชมพู่อาจรีบไปทำงาน เขาอาจไม่ทันสังเกตลูกสาวก็ได้ และที่ตนตั้งข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่ง ถ้าวันนั้นน้องชมพู่สวมกางเกงสีม่วงตามคำให้การของแม่ เป็นไปได้ไหมที่คนร้ายอาจเปลี่ยนกางเกงให้น้องชมพู่ ก่อนพาขึ้นเขาภูเหล็กไฟ สำหรับกางเกงสีแดง ที่เจอพร้อมกับศพของน้องชมพู่ ตนเองก็ยังงงเลยว่า ทำไมถึงตรวจไม่พบดีเอ็นเอคนร้าย ส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้ติดใจแม่น้องชมพู่แต่อย่างใด คิดว่าคงจำไม่ได้ ทั้งนี้ตนก็ยังสงสัยว่าทำไมคนร้ายถึงก่อเหตุได้แนบเนียนมากขนาดนี้

หลักฐานก็แทบจะไม่ทิ้งไว้ นางปิ่น ยังกล่าวอีกว่า ปกติแล้วน้องสะดิ้ง พี่สาวของน้องชมพู่ จะไม่ค่อยหลับช่วงเช้า ตนตั้งข้อสงสัยว่า ถ้าน้องสะดิ้งหลับขนาดนั้น เป็นไปได้ไหมที่จะมีคนกล่อมให้หลับ หรือน้องสะดิ้งอาจจะถูกวางยาสลบ ส่วนประเด็นกรณีที่นางแตงโม เจอรถแบ็กโฮใต้ต้นมะม่วงนั้น เมื่อวันที่ 11 เวลา 10.00 น. ที่ตนไปที่บ้านน้องชมพู่ ตนก็ไม่ได้ทันสังเกตว่าจะมีรถของเล่นหรือไม่ ส่วนรอยเท้าที่ตนเห็นก็เป็นรอยเท้าหลาย ๆ รอย ที่คนเหยียบซ้ำกันไปมาหมดแล้ว

ด้านนางสาวิตรี แม่ของน้องชมพู่ กล่าวว่า ประเด็นที่ตนแจ้งกับชาวบ้านในวันที่ 11-13 พ.ค.63 ว่าน้องชมพู่ ก่อนหายตัวไปวันนั้น แต่งกายด้วยเสื้อสีขาว กางเกงขายาวสีม่วงแถบขาวนั้น ตนขอชี้แจงว่าอาจจะจดจำการแต่งกายของลูกสาวผิดจริง แต่ในวันที่ 14 พ.ค.63 ช่วงเช้าชาวบ้านมาช่วยตามหาน้องชมพู่จำนวนมาก ตนจึงถามสะดิ้งในวันที่ 14 พ.ค.63 ว่า สรุปว่าน้องสาวใส่กางเกงตัวไหน สีอะไร สะดิ้งก็ตอบตนว่า น้องใส่กางเกงสีแดงขาสั้น ในวันที่ 11 พ.ค.63 ตนถึงมารู้ความจริง

ทั้งนี้ตนเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน ที่คนร้ายจะนำกางเกงสีม่วงน้องชมพู่ มาเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นสีแดง ในตอนก่อเหตุ คิดว่าตนน่าจะจำสีกางเกงลูกไม่ได้จริง ๆ ส่วนคดีตอนนี้ ก็มีการพูดคุยให้ข้อมูลกับตำรวจเรื่อย ๆ ซึ่งก็คืบหน้าถึง 70% แล้ว แต่ก็ต้องรอผลพิสูจน์ และหลักฐานอื่น ๆ ส่วนกรณีการหลับของน้องสะดิ้งในวันที่ 11 พ.ค.63 ตนไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว สุดท้ายตนก็อยากฝากถึงคนร้ายว่า ให้ออกมามอบตัว เพราะถ้ารับสารภาพ โทษจากหนักจะได้กลายเป็นเบา

ทีมข่าว ลงพื้นที่หมู่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ได้พบกับนายบุญทัน เชื้อคมตา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.63 ช่วงเวลา 07.00 - 08.00 น. ตนมาพ่นยาที่สวนยางพารา แล้วกลับเข้าบ้านไปกินข้าว จากนั้นก็กลับไปนอนเล่นที่สวนยางอีกสวนหนึ่ง และตอนที่นอนเล่นก็เห็นรังผึ้ง จึงได้กดถ่ายรูปรังผึ้งในเวลา 11.14 น. อย่างไรก็ตาม ตนตั้งใจจะโพสต์ภาพรังผึ้งลงเฟชบุ๊ก แต่ทำไม่เป็น จึงเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อตามหาคนโพสต์เฟชบุ๊กให้ กระทั่งมาเจอชาวบ้านจับกลุ่มคุยกัน ตนจึงรู้ว่าน้องชมพู่หายตัวไป

นายบุญทัน เล่าต่อว่า จากนั้นตนก็ได้ไปที่บ้านของน้องชมพู่ ก็เจอกับนายอนามัย พ่อของน้องชมพู่ บอกข้อมูลกับตนว่า เห็นรอยเท้าเด็กไปสุดอยู่ที่สวนยางพาราของนายแต แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นรอยเท้าของน้องชมพู่ หรือรอยเท้าของน้องสะดิ้งที่ตามหาน้องชมพู่ เพราะก่อนหน้าที่นายอยามัย จะกลับเข้าบ้าน น้องสะดิ้งก็ตามหาน้องชมพู่แล้วเหมือนกัน ส่วนประเด็นเรื่องรถแบ็กโฮนั้น ในวันที่ 11 พ.ค.63 ตนก็ไม่ทันสังเกต จึงตอบไม่ได้ว่าเห็นหรือไม่เห็น

ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับนายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อของน้องชมพู่ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่อยากให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเจอรอยเท้าในวันที่ 11 พ.ค.63 เพราะตนให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว ส่วนวันที่ 11 พ.ค.63 ตนกลับถึงบ้านประมาณ 10.00 น. และน้องสะดิ้ง ก็ไม่ได้บอกตนว่าเจอรอยเท้าน้องชมพู่แต่อย่างใด กรณีที่นางแตงโม เห็นรถแบ็กโฮของเล่นนั้น ตนก็ไม่ขอออกความคิดเห็น เพราะไม่รู้ว่าเห็นจริงหรือไม่ ทั้งนี้ทีมข่าวได้ขอให้นายอยามัย พาไปชี้จุดที่เคยให้ข่าวว่าเจอรอยเท้าน้องชมพู่ ตามคำให้สัมภาษณ์ของนายบุญทัน แต่นายอนามัย บอกว่า ตนเหนื่อยแล้ววันนี้ เพราะทำงานมุงหลังคาทั้งวัน จึงไม่มีแรงเดินไปชี้จุดกับทีมข่าว

ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้จำลองเหตุการณ์จากข้อมูลให้สัมภาษณ์ของนายบุญทัน ที่อ้างว่า นายอนามัย พ่อของน้องชมพู่ ได้บอกว่าเขาเห็นรอยเท้า คล้ายรอยเท้าน้องชมพู่ ในวันที่ 11 พ.ค.63 ทีมข่าวเลือกจำลองเหตุการณ์ จากจุดที่น้องสะดิ้งเห็นน้องสาวครั้งสุดท้าย ที่ใต้ต้นมะม่วง จากนั้นทีมข่าวได้เริ่มจับเวลาการเดินจากจุดที่เจอเด็กไปยังจุดที่พ่อน้องชมพู่ให้ข้อมูลกับนายบุญทันว่าเจอรอยเท้า ที่บริเวณสวนยางพารานายแต ทีมข่าวได้ตั้งเวลาและเดินเท้าผ่านถนนข้างบ้านน้าต่าย เลี้ยวขวาผ่านสวนยางนายแต

และไปถึงจุดที่เจอรอยเท้าน้องชมพู่ ใช้ระยะทาง 200 เมตร ใช้เวลา 01.39 นาที ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางในเส้นทางที่ 2 โดยเดินเท้าจากจุดที่นายบุญทัน อ้างว่าพ่อน้องชมพู่เจอรอยเท้า ผ่านสวนมันสำปะหลังของยายจำลอง ไปอีก 150 เมตร ซึ่งตอนที่ทีมข่าวเดินจำลองเหตุการณ์นั้น ต้นมันสำปะหลังสูงกว่าช่วงที่น้องชมพู่หายตัวไป ทีมข่าวเดินมาถึงจุดที่นางสายสมร พบเจอรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีดำ ใช้เวลารวม 02.45 นาที ซึ่งจากการเดินของทีมข่าว ที่เป็นคนรูปร่างสูง จะมีการก้าวขาค่อนข้างยาว ใช้ระยะเวลารวมจากจุดแรกถึงจุดสุดท้าย รวม 4.24 นาที

ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

เรียบเรียง มุมข่าว

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ