ลูกชายนริน ทนไม่ไหวยอมพูดแล้ว

ลูกชายนริน ทนไม่ไหวยอมพูดแล้ว

ความคืบหน้าล่าสุดคดีน้องชมพู่ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่หมู่บ้านกกตูม ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ไปพบกับนายตี๋ นามสมมติ อายุ 18 ปี ลูกชายของนายนริน เปิดเผยว่า พ่อขึ้นเขาภูผาเหี่ย เพื่อไปหาของป่าตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 10 พ.ค.63 และกลับมาบ้านในช่วงกลางดึก เมื่อกลับมาถึงก็นอนหลับด้วยความเหนื่อยจากการหาของป่า

ทั้งนี้ตนตื่นเช้าไปกรีดยางในวันที่ 11 พ.ค. 63 เวลา 06.00 น. ก็ยังเห็นพ่อนอนอยู่ในบ้าน เมื่อตนกลับมาที่บ้านหลังจากกรีดยาง เวลา 07.30 น. ตนก็ยังเห็นพ่อนอนอยู่ในบ้าน ในระหว่างนั้นตนก็อยู่บ้าน เล่นโทรศัพท์และอยู่กับพ่อตลอดเวลา มีเพียงช่วงเวลา 12.00 น. ที่พ่อตื่นนอนขึ้นมาทำกับข้าวกิน หลังจากนั้นก็กลับไปนอนต่อ โดยในวันที่ 11 พ.ค.63 ตนอยู่กับพ่อจนถึงช่วงเวลา 14.00 น. แม่ก็ส่งข้อความมาบอกว่า น้องชมพู่หายไปจากบ้าน ให้ออกไปช่วยตามหา ตอนนั้นตนก็รีบแต่งตัวออกจากบ้านไปช่วยตามหา

ในขณะที่ออกจากบ้านพ่อก็ยังคงนอนหลับอยู่ แต่หลังจากตนออกไปตามหาน้องชมพู่ กลับมาที่บ้านเวลา 17.00 น. ก็ยังเจออยู่ที่พ่อบ้าน ซึ่งช่วงค่ำพ่อก็ออกไปหาของป่าอีก เพราะเป็นกิจวัตรของพ่อเป็นประจำอยู่แล้ว หลังจากนั้นพ่อก็กลับมากลางดึก และเมื่อตนตื่นเช้ามาในวันที่ 12 พ.ค.63 ก็เจอพ่อนอนอยู่ที่บ้าน และไม่ได้ออกไปช่วยตามหาน้องชมพู่ เพราะพ่อเหน็ดเหนื่อยจากการหาของป่า

นายตี๋ กล่าวต่อว่า เขาภูผาเหี่ยที่พ่อขึ้นไปหาของป่าเป็นประจำนั้น เป็นเขาคนละลูกกับเขาภูเหล็กไฟที่น้องชมพู่ตาย ที่ตั้งก็อยู่คนละฟากกับเขาภูเหล็กไฟ ไม่มีทางเชื่อมที่จะเดินถึงกัน ส่วนที่พ่อให้ข้อมูลไปก่อนหน้านี้ เพราะตนคิดว่าพ่อจำอะไรไม่ได้เนื่องจากอายุมาก เป็นคนที่อยู่แต่ป่าและน่าจะตกใจ กลัวกล้องที่นักข่าวมาสัมภาษณ์ครั้งแรกในชีวิต ซึ่งตนก็ยอมรับว่าตนรู้สึกตกใจที่พ่อถูกจับในข้อหาอนาจาร และอาจจะเชื่อมโยงไปถึงคดีของน้องชมพู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เด็กหญิงเอมีคดีกับเด็กในเพื่อนรุ่นเดียวกัน แม่ของเด็กหญิงเอ ก็ยังเคยมาปรึกษาแม่ของตนอยู่เลย และไม่เคยเพ่งเล็งครอบครัวตน ไม่เคยแจ้งความ ซึ่งตนก็งงที่อยู่ ๆ พ่อของตนมาถูกจับเช่นนี้ และจนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าพ่อทำจริงหรือไม่ แต่ตนก็ยังเชื่อใจว่าพ่อไม่ได้ลงมืออนาจาร หลานวัย 5 ขวบ นอกจากนี้ตนก็กลัวว่าความยุติธรรม จะไม่ตกถึงครอบครัวตน และกลัวจะถูกเชื่อมโยงทั้ง 2 คดี

ทีมข่าว เดินทางไปหา นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ เปิดเผยว่า กรณีแม่ของ ด.ญ.เอ ที่เคยมอบเงินให้ตนนั้น มอบให้ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 เพื่อเป็นค่าน้ำและเป็นกำลังใจให้ตน เพราะเขาไม่ได้มาช่วยตามหา เนื่องจากต้องช่วยดูแลเด็กหญิงเอ ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเขาต้องดูแลลูกสาวอย่างใกล้ชิด

ส่วนในของนายนรินนั้น ตนไม่อยากพูดอะไรให้เขาเสียหาย ตนจะปล่อยให้เป็นกระบวนการของตำรวจ เพราะตนไม่มีหลักฐานอะไรจะพูด ในส่วนของจักรยานของนายนรินนั้น ตนไม่เคยเห็นว่าเขาจะนำมาจอดในพื้นที่สวนยางใกล้บ้านของตน แต่ใครที่เห็นว่ามีจักรยานมาจอดนั้นตนก็ไม่ทราบ

เพราะช่วงที่ลูกสาวหายตัวไป ตนก็ใจจดใจจ่อกับการตามหา แต่ในวันที่ 11 พ.ค.63 เมียของนายนรินและเพื่อน ก็ยังมาช่วยตามชาวบ้านจากหมู่บ้านกกตูมมาช่วยตามหาน้องชมพู่ และช่วงบ่ายของวันที่ 11 พ.ค.63 ก็มีพลเมืองดีโทรศัพท์มาหาว่า เห็นคนหน้าคล้ายน้องชมพู่ที่บิ๊กซีมุกดาหาร เมียของนายนรินก็อาสาขับรถไปช่วยดูด้วยตัวเอง โดยที่ไม่คิดค่าน้ำมัน และในช่วงที่ตามหา ก็เห็นลูกชายและลูกสาวเมียของนายนริน มาตามหาด้วย แต่ตนไม่เห็นว่านายนรินมาช่วยตามหาหรือไม่

นางสาวิตรี ยังบอกอีกว่า สำหรับนายนริน ตนไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอมากนัก แต่สังเกตว่าเขาเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่เคยมีประวัติเลวร้ายหรือพฤติกรรมเกี่ยวกับเด็ก แต่การที่เขาไม่ได้รับการประกันตัว ตนก็ไม่รู้ว่าเขาจะเชื่อมโยงกับคดีน้องชมพู่หรือไม่ และตนก็ยังไม่อยากพูดว่าเขาจะก่อเหตุ เพราะเขาก็ยังไม่ยอมรับ

สุดท้าย สำหรับร่างทรงที่บอกว่าคนร้ายอยู่ไม่ไกลจากบ้านประมาณ 200 เมตรนั้น ตนคิดว่าถ้าร่างทรงรู้จริง ก็ให้ชี้ตัวคนร้ายเลย เพราะถ้าชี้คนร้ายได้ก็จะได้ค่าหัวถึง 5 แสนบาท ดีกว่ามาใบ้หวย เพราะถ้าซื้อหวยก็มีโอกาสไม่ถูกและไม่ได้เงิน และแม้เขาจะบอกว่ามีคนร้ายอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 200 เมตร ตนก็ไม่ได้เกิดความระแวง แต่รู้สึกสงสารชาวบ้านที่อยู่รอบ ๆ บ้านของตนในรัศมี 200 เมตรว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร อย่างไรก็ตาม วันนี้ตำรวจได้เชิญตนไปพูดคุยอีกครั้ง ซึ่งตำรวจก็ให้ความมั่นใจกับตนเรื่องคดี แม้คดีจะช้าแต่ก็ไม่เคยหยุดทำคดี ซึ่งตนก็มีกำลังใจมากขึ้น

ทีมข่าวสำรวจรถจักรยานและรถจักรยานยนต์ ของครอบครัวนายนริน พบว่ามีรถจักรยานยนต์ จอดทิ้งไว้ 2 คัน และจักรยาน 3 คัน คันที่ 1 รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ ไอ สีน้ำเงินดำ ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน ส่วนใหญ่ลูกชายนายนรินใช้งาน จอดหน้าบ้าน คันที่สองรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า spark x สีแดงเทา ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน ที่ตะแกรงด้านหน้ามีถุงเท้าสีฟ้า 1 คู่ ส่วนใหญ่นายนรินและภรรยาเป็นคนใช้งาน โดยคันนี้จอดไว้ที่ถนนหน้าบ้าน

ส่วนรถจักรยานคันแรก (คันต้องสงสัย) เป็นจักรยานญี่ห้อ LA สีน้ำเงิน สภาพเก่า 2 เบาะนั่ง ตะแกรงด้านหน้าขาด มีเชือกฟางสีแดงยึดไว้ เบาะคนขับห่อหุ้มด้วยกระสอบ ล้อทั้งสองข้างมีสภาพติดโคลน และมีเครือไม้พันตามรถ

รถจักรยานคันที่สอง เป็นญี่ห้อ Tonado สีขาว สภาพไม่ได้ใช้งาน จอดนิ่งไว้และมีเครือไม้พันไว้กว่าคันแรก และรถจักรยานคันที่สาม เป็นรถจักรยานเด็กสีเขียวลายการ์ตูน มีผ้าสีน้ำเงิน และขวดทำความสะอาดรถวางไว้หน้าตระแกรง อย่างไรก็ตาม ตามร่างกายของนายนริน ก็ไม่ได้มีร่องรอยการถูกขีดข่วนแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่ามีกางเกงลายพราง 1 ตัว ส่วนเรื่องแหวน นายนรินไม่ขอทดสอบ เพราะไม่ชอบใส่แหวน

ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

เรียบเรียง มุมข่าว

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ