ระบาดหนัก! เตือนประชาชน เฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ ดับแล้ว 12 ราย เปิดกลุ่มเสี่ยงสูงสุด
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 กองระบาดวิทยาภาคใต้ รายงานว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-18 ต.ค.68 มีรายงานผู้ป่วย 797,467 ราย อัตราป่วย 1,228.53 ต่อประชากรแสนคน มีผู้เสียชีวิต 81 ราย ใน จ.นครราชสีมา 22 ราย จ.สุราษฎร์ธานี 5 ราย จ.พิษณุโลก กรุงเทพมหานคร และ จ.บุรีรัมย์ จังหวัดละ 4 ราย จ.สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ลำปาง ปทุมธานี ภูเก็ต และสมุทรปราการ จังหวัดละ 3 ราย จ.สงขลา นครสวรรค์ ยะลา และ จ.กาฬสินธุ์ จังหวัดละ 2 ราย
รายงานว่าสายพันธุ์ที่พบมาก A 68 ราย สายพันธุ์ B 11 ราย และไม่ระบุสายพันธุ์ 2 ราย มีแนวโน้มลดลง แต่ยังสูงกว่าปี 67 และสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง ช่วงระบาดเดือน มิ.ย-ต.ค. และจะระบาดซ้ำ เดือน ธ.ค.- ก.พ.
รายงานว่าภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุด ภาคกลาง เท่ากับ 1,724.13 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,004.80 ภาคใต้ 949.55 และภาคเหนือ 910.70
จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูง 10 อันดับแรก ได้แก่ จ.ภูเก็ต อัตราป่วย 2,923.12 ต่อประชากรแสนคน รองลงมา คือ ชลบุรี 2,427.15 กรุงเทพมหานคร 2,259.73 ตราด 2,138.09 ระยอง 2,074.56จันทบุรี 2,067.42 นนทบุรี 1,945.93 สมุทรปราการ 1,916.21 นครปฐม 1,717.86 และปทุมธานี1,670.21

กลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคไข้หวัดใหญ่พบในกลุ่มอายุ 5-9 ปี 4,194.73 ต่อประชากรแสนคน รองลงมา คือ อายุ 0-4 ปี 3,429.09 และอายุ 10-14 ปี 2,765.61
ได้รับแจ้งเหตุการณ์การระบาดโรคไข้หวัดใหญ่สะสม 90 เหตุการณ์ จากจังหวัดอุดรธานีและกรุงเทพมหานคร 6 เหตุการณ์จังหวัดชัยภูมินครราชสีมา กระบี่ สระบุรีและ เพชรบุรี 5 เหตุการณ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน ชลบุรีสงขลา และยโสธร
มาตรการป้องกันจะเน้นการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ที่เมื่อติดเชื้อมักป่วยรุนแรงกว่ากลุ่มอื่นๆ โดยขอให้เลี่ยงการเข้าพื้นที่ที่มีคนเยอะ สวมหน้ากากอนามัยป้องกันตลอดเวลา และล้างมือให้สะอาดด้วยแอลกอฮอล์

อย่างไรก็ตามสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทยปี 68 มี 8 ปัจจัยซ่อนเร้น ระบบรายงานไม่สมบูรณ์และคลาดเคลื่อน ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงทรัพยากรสาธารณสุข ในจังหวัดชายแดนใต้ยังพบปัญหาขาดแคลนชุด PPE สภาพแวดล้อมเสี่ยงในเรือนจำ การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A/H3N2 ภูมิคุ้มกันขาด ข้อจำกัดการวินิจฉัยแยกโรค และ ผลกระทบทางเศรษฐกิจและการรักษา







