เมื่อคืนวันที่ 26 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ธวัชชัย จันทร์เรือง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ภาชี ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงด้วยอาวุธปืนเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 7 ต.ไผ่ล้อม อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุวิชา ชั้นงาม ผกก.สภ.ภาชี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานพระนครศรีอยุธยา แพทย์โรงพยาบาลภาชี และประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ ไปให้การสนับสนุนที่เกิดเหตุ

โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว บริเวณหน้าบ้านพบศพ นางจำเนียร อายุ 66 ปี สภาพนั่งอยู่บนเก้าอี้ แบบเอนนอน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณหน้าอกด้านขวา เป็นแผลฉกรรจ์ ใกล้กันพบศพ นายไพโรจน์ อายุ 70 ปี สามีของนางจำเนียร สภาพนอนหงายอยู่กับพื้นบ้าน มีบาดแผลถูกยิงบริเวณปากทะลุท้ายทอยเป็นแผลฉกรรจ์ ที่ตัวพบอาวุธปืนลูกซอง วางพาดอยู่กลางลำตัว

ข้างศพพบกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ถูกยิงแล้วจำนวน 1 ปลอก ตรวจสอบ ภายในรังเพลิง อาวุธปืนลูกซอง พบปลอกกระสุนปืนเบอร์ 12 ที่ยิงแล้วอีกจำนวน 1 ปลอก บริเวณโดยรอบไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้าย ส่วนอาวุธปืนเป็นของนายไพโรจน์

เพื่อนบ้านที่มาพบศพคนแรก กล่าวว่า ตนเองแวะมาหา นางจำเนียร แต่เห็นว่าบ้านปิดไฟเงียบ จึงเดินเข้าไปเปิดไฟ ถึงกับตกใจเห็น นางจำเนียร และนายไพโรจน์ นอนเสียชีวิตมีเลือดไหล มีบาดแผลถูกยิงมีอาวุธปืน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ

ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้เพียง 2 คน ส่วนลูกสาว มีครอบครัวอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง ทั้ง 2 คน เป็นคนอัธยาศัยดี ไม่มีปัญหาทะเลาะกัน ไม่มีโรคประจำตัว ยังรู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร นายไพโรจน์ เกษียณราชการมาแล้วหลายปี ปัจจุบันเป็นมัคนายกวัดนาอุ่น ช่วยเหลืองานวัดทำทุกอย่าง ส่วนนางจำเนียร เป็นแม่บ้านไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร ยังรู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร

ทางด้าน ลูกสาวเล่าว่า บ้านหลังนี้ มีเพียงพ่อกับแม่อาศัยอยู่ที่บ้าน บางครั้งตนจะกลับมาที่บ้าน พ่อกับแม่ไม่มีโรคประจำตัวอะไร พ่อกับแม่ไม่เคยบ่นหรือเล่าอะไรให้ฟัง ไม่เคยทะเลาะกัน ไม่มีโรคประจำตัวอะไรที่รุนแรง ตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวได้ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ตรวจหาหัวกระสุนปืน เก็บเขม่าดินปืนที่มือของผู้เสียชีวิต และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่า นายไพโรจน์ อาจจะใช้อาวุธปืน ยิงภรรยาก่อน จากนั้นใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวเอง โดยจะต้องเรียกญาติและบุคคลใกล้ชิดมาสอบสวนอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุของการก่อเหตุ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป