ทนายนรเศรษฐ์ ฟาดแรง! ชี้ กัน จอมพลัง ไม่มีสิทธิแก้ข้อบังคับมูลนิธิ - ต้องใช้มติบอร์ด 3 ใน 4 ลั่น! ถ้ามั่นใจบริสุทธิ์ใจ อย่าเปลี่ยน แค่เดินหน้าทำดีต่อไป

ทนายนรเศรษฐ์ ฟาดแรง! ชี้ กัน จอมพลัง ไม่มีสิทธิแก้ข้อบังคับมูลนิธิ - ต้องใช้มติบอร์ด 3 ใน 4 ลั่น! ถ้ามั่นใจบริสุทธิ์ใจ อย่าเปลี่ยน แค่เดินหน้าทำดีต่อไป

23 ต.ค. 2568 ทนายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลอีกครั้ง หลังกรณีมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ กลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์ เมื่อ กัน จอมพลัง ออกมาประกาศเปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์จาก มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า เป็น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ เพื่อความสบายใจของสังคม

ทนายนรเศรษฐ์ ระบุว่า การเปลี่ยนผู้รับทรัพย์สินของมูลนิธิถือเป็น การแก้ไขข้อบังคับของมูลนิธิ ซึ่งตามข้อบังคับข้อที่ 38 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า การแก้ไขข้อบังคับใด ๆ ต้องเป็นอำนาจของ ที่ประชุมคณะกรรมการมูลนิธิ เท่านั้น โดยต้องมีกรรมการเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนทั้งหมด และมติอนุมัติจะต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของกรรมการที่เข้าประชุม

เขาเน้นว่า อำนาจนี้เป็นของที่ประชุมบอร์ด ไม่ใช่ที่ปรึกษา หมายความว่า กัน จอมพลัง ซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา ไม่สามารถดำเนินการแก้ไขข้อบังคับของมูลนิธิได้ด้วยตัวเอง

ทนายนรเศรษฐ์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตนไม่เคยรู้จักกัน จอมพลังเป็นการส่วนตัว แต่ชื่นชมในหลายบทบาทที่เจ้าตัวได้ช่วยเหลือผู้เสียหายให้เข้าถึงความยุติธรรม ทว่าการโพสต์ในครั้งนี้เป็นการอธิบายตามหลักกฎหมายและข้อบังคับของมูลนิธิเท่านั้น

โพสต์ของ นรเศรษฐ์

พร้อมทิ้งท้ายอย่างมีนัยสำคัญว่า

หากผมเป็นคุณกัน และมั่นใจโดยสุจริตว่าการจดทะเบียนมูลนิธิที่ระบุให้ทรัพย์สินตกเป็นของมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามเจตนารมณ์ ผมจะไม่ลังเล หรือพยายามเปลี่ยนแปลงใด ๆ แต่จะเดินหน้าทำงานตามเป้าหมายของมูลนิธิต่อไปอย่างไม่หวั่นไหว

คำชี้แจงนี้ทำให้หลายคนบนโลกออนไลน์หันกลับมาพูดถึงข้อเท็จจริงด้านกฎหมายของมูลนิธิอีกครั้ง ว่าการแก้ไขข้อบังคับไม่สามารถทำได้เพียงแค่ คำประกาศ ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ต้องเป็นไปตามกระบวนการตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น.

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ