ลุงพิการนอนหน้าธนาคารข้ามคืน หวังคนละครึ่ง แต่ไม่มีมือถือ เลยชวดสิทธิ์ น้ำตาแทบไหล
เรื่องราวสะเทือนใจเกิดขึ้นที่อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี เมื่อมีชายวัย 54 ปี ซึ่งเป็นผู้พิการขาขวา ได้เดินทางมาที่ธนาคารกรุงไทย สาขาบ้านดุง เพื่อหวังลงทะเบียนโครงการ คนละครึ่ง ของรัฐบาล แต่กลับไม่สามารถทำรายการได้เพราะไม่มีสมาร์ตโฟนเป็นของตัวเอง

จากข้อมูล ระบุว่า ลุงวัย 54 ปี อาศัยอยู่ในตำบลอ้อมกอ อำเภอบ้านดุง เดินทางมาไกลประมาณ 15 กิโลเมตรโดยใช้บริการรถสามล้อเพื่อมารอลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2568 และเนื่องจากคิวยาวและงานระบบล่าช้า เขาจึงนอนค้างคืนหน้าธนาคารอีกหนึ่งคืน เพื่อต่อคิวหวังจะได้ลงทะเบียนในวันถัดมา แต่เมื่อถึงเวลาบ่าย เจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่าต้องมีสมาร์ตโฟนเพื่อติดตั้งแอปพลิเคชัน คนละครึ่ง ทำให้ลุงชวดสิทธิ์ลงทะเบียนและต้องเผชิญกับความยากลำบาก
ลุงวัย 54 ปี เล่าถึงความลำบากของตัวเองว่า ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นพนักงานห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ แต่ประสบอุบัติเหตุจนขาพิการและเดินลำบาก จึงต้องออกจากงานและพักอยู่บ้านมาเป็นเวลาประมาณ 5 ปี ดูแลสวนยางพาราของญาติและภรรยา ลุงบอกด้วยว่า เงินติดตัวตอนนั้นแทบไม่มี ข้าวก็ยังไม่ได้กินมาตั้งแต่เมื่อคืน จึงต้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจในพื้นที่
หลังได้รับแจ้ง นายวีระพล รักเสมอวงศ์ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านดุง ได้เข้ามาตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือทันที โดยสอบถามความประสงค์ว่าจะรับเงิน 2,000 บาท หรือรับสมาร์ตโฟนเพื่อใช้ลงทะเบียนในรอบต่อไป ลุงคิดอยู่สักครู่ก่อนตัดสินใจเลือกรับเงินเพื่อใช้จ่ายในครอบครัวเบื้องต้น นอกจากนี้ นายกเทศมนตรียังสัญญาว่าจะไปเยี่ยมบ้านและประเมินความต้องการของลุงอีกครั้ง พร้อมให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมหากจำเป็น
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายของประชาชนที่มาต่อคิวหน้าธนาคาร ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย เพื่อรอลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง โดยมีหญิงสองรายพยายามลัดคิวด้านหน้า จนชาวบ้านไม่พอใจและตะโกนโวยวาย รปภ. ของธนาคารจึงเข้ามาไกล่เกลี่ย ทำให้หญิงสองรายต้องถอยไปต่อคิวด้านหลัง
เรื่องราวของลุงพิการวัย 54 ปี กลายเป็นภาพสะท้อนความยากลำบากของประชาชนบางส่วนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสมาร์ตโฟน และทำให้การเข้าร่วมโครงการรัฐเป็นไปได้ยาก จนต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่







