อาลัย น้องน้ำขิง สาวท้อง 7 เดือน เผาแล้ว สามีเผยขอไม่กลับไปขับเรืออีก

อาลัย น้องน้ำขิง สาวท้อง 7 เดือน เผาแล้ว สามีเผยขอไม่กลับไปขับเรืออีก

จากเหตุการณ์เรือลากจูงล่มกลางแม่น้ำป่าสัก ใกล้ท่าเทียบเรือ ต.ปากจั่น อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยนายศิราวุฒิ อายุ 24 ปี เป็นคนขับเรือ ส่วนน้องน้ำขิง หรือ น.ส.เพ็ญนภาพร อายุ 21 ปี ภรรยากำลังตั้งครรภ์ 7 เดือนหนีออกมาไม่ทันสูญหายและเสียชีวิตนั้น

ล่าสุดวันที่ 19 ต.ค.2568 ที่วัดเรือแข่ง ต.บางระกำ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ครอบครัวได้จัดพิธีฌาปนกิจน้องน้ำขิง บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า มีการจัดตั้งโลงคู่ น้องน้ำขิง กับ ลูกสาว น้องน้ำพันซ์ ซึ่งหลังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จ.ปทุมธานี ชันสูตรเสร็จแล้วได้แยกร่างแม่และลูกออก โดยช่วงเช้าวันนี้มีการเผาร่างของ น้องน้ำพันซ์ ลูกสาวไปก่อนแล้ว

มีนางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายก อบจ.พระนครศรีอยุธยา เป็นประธาน ฌาปนกิจ มีครอบครัวของ ของน้องน้ำขิง และครอบครัวของ นายศิราวุฒิ สามีของน้องน้ำขิง และผู้ประกอบการขนส่งเรือยนต์ ร่วมแสดงความเสียใจ สามีน้องน้ำขิงได้บวชเณร เป็นเวลา 9 วัน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ภรรยาและลูกสาว ผู้เป็นสามีอยู่ในอาการเศร้าโศก

สามเณรศิราวุฒิ บอกว่า ตั้งใจจะบวชอุทิศส่วนกุศลให้ภรรยาและลูกเป็นเวลา 9 วัน ยังรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากยังคิดอะไรไม่ออก ส่วนของเรือคงไม่กลับไปขับเรืออีกแล้ว หลังจากนี้ค่อยคิดว่าจะไปทำอะไร เห็นเรือแล้วสะเทือนใจมากไม่กล้าที่จะขับเรืออีก อยากจะบอก น้ำขิงและลูกสาว ให้ไปสู่สุขคติ ไปเป็นนางฟ้าอยู่ด้วยกัน ได้พบกับสิ่งที่ดีๆ ชาติหน้าขอให้เกิดเป็นภรรยา ลูกสาวเกิดเป็นลูก มาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์พ่อแม่ลูกด้วยกัน

ทางด้านน.ส.พรทิพา อายุ 43 ปี แม่น้องนำขิง กล่าวว่า ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว หลังจากนี้ให้สามเณรกลับไปขับเรือไปเป็นครอบครัวของแม่ เพราะแม่รักเหมือนลูก ตัดสินใจอย่างไรทางครอบครัวจะดูแลกันเหมือนเดิม ที่สามเณรบอกจะไม่กลับไปขับเรือก็แล้วแต่การตัดสินใจ ถ้าสะดวกพร้อมอยู่เป็นครอบครัวช่วยกันประกอบอาชีพทางครอบครัวพร้อมที่จะดูแล

ส่วนที่ปรากฏมีคลิปเผยแพร่ออกไป น้องน้ำขิงมาเข้าร่าง อยากจะเจอกับแม่ แต่วันนั้นแม่ยังเดินทางมาไม่ถึง ล่าสุดเมื่อเช้าเข้าร่างอีกครั้งแค่มาร้องไห้เสียใจ ไม่ได้สื่อสารอะไรบอกเพียงว่าห่วงลูกสาว เพราะเมื่อเช้ามีการประกอบพิธีเผาร่างของน้องน้ำพันซ์

และระหว่างเจ้าหน้าที่วัดเผาร่างของน้องน้ำขิง สามเณรศิราวุฒิ ยืนเฝ้ามองเมรุ อยู่ตลอดเวลาไม่ยอมห่าง เป็นภาพที่สะเทือนใจต่อคนที่มาร่วมงานอย่างมาก

ทั้งนี้ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ