ยายวัย 75 ร่ำไห้โล่งใจ จนท.บุกช่วยพ้นหลานสาวคลั่งยา ขู่ทำร้ายไม่เว้นวัน แถมให้ลูกกินนมแม่ติดยา!
เรื่องราวสะเทือนใจในครอบครัวหนึ่ง เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและพัฒนาสังคมจังหวัดอุดรธานี เข้าช่วยเหลือหญิงชราวัย 75 ปี ที่ร้องขอออกจาก ขุมนรกในบ้าน หลังถูกหลานสาวที่ติดยาเสพติดอย่างหนักทำร้ายร่างกายและขู่ฆ่ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีลูกวัยขวบเศษที่ต้องกินนมแม่ซึ่งมีสารเสพติดในร่างกาย

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 นายชาติอาชาไนย ธนถาวรโชติ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอเมืองอุดรธานี พร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุดรธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านหนองโอน ตำบลเชียงพิณ อำเภอเมือง หลังหญิงวัยชราเข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม ขอความช่วยเหลือจากการถูกหลานทำร้ายและขู่ฆ่า
เมื่อถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบผู้อาศัยรวม 6 คน ภายในบ้านเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด หลังตรวจปัสสาวะพบสารเสพติดในร่างกายของ 3 คน คือหญิงวัย 35 ปี (หลานสาวผู้ก่อเหตุ) ชายวัย 56 ปี (บิดา) และชายวัย 44 ปี (สามี) สร้างความตกตะลึงให้เจ้าหน้าที่ เพราะทุกคนที่เกี่ยวข้องกับผู้ร้องเรียนต่างมีผลตรวจ ฉี่ม่วง ทั้งหมด
ขณะที่เด็กชายวัยขวบเศษ ซึ่งเป็นลูกของหญิงวัย 35 ปี ถูกรีบนำตัวแยกออกไปดูแลทันที เนื่องจากยังดื่มนมแม่ที่มีสารเสพติดในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างการเข้าช่วยเหลือ หญิงวัย 35 ปีถึงกับร้องไห้เสียงดัง โวยวายลั่นบ้าน กล่าวหาว่าคุณยาย แจ้งจับหลาน พร้อมโทรศัพท์ไปฟ้องมารดา จนเจ้าหน้าที่ต้องกล่อมอยู่นานให้สงบสติอารมณ์ ก่อนเจ้าตัวยอมรับว่าเสพยาเสพติดจริงเพราะ อยากคลายเครียดและทำงานได้ แต่ยืนยันว่า ไม่เคยทำร้ายยาย แม้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านยืนยันตรงกันว่าเคยเห็นเหตุการณ์หลายครั้ง
เมื่อถูกถามว่าอยากขอโทษยายหรือไม่ หญิงคนดังกล่าวกลับตอบเสียงแข็งว่า ไม่ ท่ามกลางความเงียบของทุกคนในที่เกิดเหตุ
หลังการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่อธิบายขั้นตอนการนำเข้าสู่กระบวนการบำบัด 14 วัน ซึ่งหญิงวัย 35 ปีถึงกับร่ำไห้และไม่ยอมรับในตอนแรก ก่อนสุดท้ายถูกนำตัวพร้อมบิดาและสามีเข้าสู่โครงการ 5 เสือพลัส เพื่อบำบัดและฟื้นฟูตามกฎหมาย
นายชาติอาชาไนย เปิดเผยว่า หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากหญิงชรา ว่าถูกหลานทำร้ายร่างกายและขับไล่ออกจากบ้าน อีกทั้งหลานยังเสพยาเสพติดตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึงช่วงให้นมลูก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงรีบเข้าตรวจสอบทันที ผลการตรวจยืนยันว่าทั้งสามมีสารเสพติดในร่างกาย จึงดำเนินการส่งบำบัดโดยไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอื่นในบ้าน
ด้านนางจิตสัมพันธ์ ต่ายทรัพย์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุดรธานี ระบุว่า ขณะนี้ พม. ได้ดำเนินการตรวจสอบครอบครัวของบิดาเด็ก เพื่อพิจารณาความพร้อมในการดูแล หากไม่สามารถรับภาระได้ เด็กจะถูกส่งเข้าสู่การดูแลของหน่วยงานรัฐชั่วคราว ส่วนมารดาเด็กจะเข้าสู่กระบวนการบำบัดตามขั้นตอน นอกจากนี้ ยังมีการติดตามช่วยเหลือคุณยายเพิ่มเติม เนื่องจากต้องเลี้ยงดูพี่สาวผู้ป่วยติดเตียง และมีรายได้เพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 700 บาท
ขณะเดียวกัน นายวง อินทร์สีดา ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านหนองโอน เผยว่า เคยตักเตือนหลานสาวของคุณยายหลายครั้งให้เลิกยาเสพติด แต่ไม่เป็นผล และมักก่อเหตุรุนแรงในบ้าน จนยายต้องหนีไปอยู่กับญาติหลายเดือน ก่อนตัดสินใจร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ
คุณยายวัย 75 ปี พูดทั้งน้ำตาในวันที่ได้รับการช่วยเหลือว่า วันนี้เหมือนยายหลุดจากขุมนรก ขอบคุณทุกคนที่มาช่วย ยายทนมานาน หลานคลั่งยาเมื่อไหร่ก็ทำร้าย ขู่ฆ่าจนยายไม่กล้าอยู่บ้าน ต้องหนีไปอยู่กับพี่สาว ทุกข์ใจมาก ไม่คิดว่ายาเสพติดจะทำร้ายคนที่เรารักได้ขนาดนี้ ตอนนี้ยายอุ่นใจแล้ว ขอให้หลานเลิกยาได้จริง ๆ ยายแค่อยากมีชีวิตที่สงบและปลอดภัย
เรื่องราวของหญิงชรารายนี้เป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนของผลกระทบจากยาเสพติดที่ไม่เพียงทำลายชีวิตของผู้เสพเท่านั้น แต่ยังทำร้ายคนในครอบครัวที่รักและหวังดีด้วย - และครั้งนี้ การเข้าช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ได้คืน ลมหายใจแห่งความหวัง ให้หญิงชราผู้ต้องทนอยู่กับความทุกข์มานานหลายปี.







