จีน ประกาศแล้ว! พร้อมร่วมมือไทย หลังเข้าพบ นายกฯ ย้ำชัด มิตรภาพไทย-จีน

จีน ประกาศแล้ว! พร้อมร่วมมือไทย หลังเข้าพบ นายกฯ ย้ำชัด มิตรภาพไทย-จีน

วันที่ 17 ตุลาคม 2568 ที่ตึกไทยคู่ฟ้า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้การต้อนรับนายจาง เจี้ยนเว่ย (H.E. Mr. Zhang Jianwei) เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเข้ารับหน้าที่

ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ยินดีที่ได้ต้อนรับเอกอัครราชทูตจีนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ซึ่งมิตรภาพไทย-จีน แนบแน่นอย่างต่อเนื่อง ยาวนานตลอด 50 ปี โดยรัฐบาล มุ่งมั่นจะผลักดันความร่วมมือให้เติบโตในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยความร่วมมือกับจีน ถือเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และนวัตกรรมในภูมิภาค สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งขอบคุณที่รัฐบาลจีน ให้ความร่วมมืออันดีมาโดยตลอด และชื่นชมบทบาทของเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยทุกคน ที่มีส่วนช่วยกระชับความสัมพันธ์ โดยเชื่อมั่นว่าเอกอัครราชทูตจีนคนใหม่ จะสานต่อและพัฒนาความร่วมมือในทุกด้านให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ด้าน เอกอัครราชทูตจีน ได้ฝากคำปรารถนาดีและคำอวยพรจากนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้แก่นายกรัฐมนตรี และยินดีที่ได้มีโอกาสเข้าพบอย่างเป็นทางการ ซึ่งทั้งสองประเทศต่างมีมิตรภาพอันแน่นแฟ้นที่สืบทอดมากว่าครึ่งศตวรรษ โดยต่างเคารพ สนับสนุน และร่วมมือกันอย่างเสมอภาค เป็นมิตรแท้ที่ประชาชนทั้งสองฝ่ายตระหนักดีว่า ไทย-จีน ใช่อื่นไกล พี่น้องกันและจะยังคงสานต่อความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในอนาคต

เอกอัครราชทูตจีน ยังชื่นชมการทำงานของนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการประชุมคณะรัฐมนตรี การลงพื้นที่พบปะประชาชนทั่วประเทศ รวมทั้งการเยี่ยมพื้นที่ชายแดน เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมยังกล่าวถึงการเยือน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการที่ผ่านมา ซึ่งประสบผลสำเร็จอย่างยิ่ง สะท้อนถึงบทบาทเชิงรุกของไทยในภูมิภาค พร้อมอวยพรให้นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดใหม่ประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ สร้างความมั่นคงและความผาสุกให้แก่ประชาชน

โดยทั้งสองฝ่าย ยังได้หารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นสำคัญร่วมกัน อาทิ

ด้านการส่งออกสินค้าเกษตรไทย ที่นายกรัฐมนตรี ขอบคุณรัฐบาลจีนที่ให้การสนับสนุนด้านการค้าการลงทุนมาโดยตลอด โดยเฉพาะการพิจารณานำเข้าข้าวจากไทย และเอกอัครราชทูตจีน ยังยืนยันว่า จีนให้ความสำคัญต่อการนำเข้าสินค้าเกษตรคุณภาพสูงจากไทย โดยเฉพาะข้าวและผลไม้ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดจีน และพร้อมประสานงานร่วมกับหน่วยงานจีน เพื่อผลักดันให้การนำเข้าสินค้าเกษตรไทยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมมากขึ้น

ด้านโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องการเชื่อมโยงระบบคมนาคมระหว่างไทย-จีน-ลาว จะเป็นรากฐานสำคัญในการเสริมสร้างเศรษฐกิจและความมั่นคงในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมขนส่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน

ด้านอุตสาหกรรมสมัยใหม่ นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า รัฐบาลมุ่งส่งเสริมความร่วมมือกับจีนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปีนี้ ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และโลจิสติกส์ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคอย่างยั่งยืน ซึ่งเอกอัครราชทูตจีนยืนยันว่า ฝ่ายจีนพร้อมสนับสนุนไทยในการพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว พลังงานใหม่ และยานยนต์พลังงานไฟฟ้า เพื่อยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้ก้าวสู่ยุคใหม่และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ด้านความมั่นคงและอาชญากรรมข้ามชาติ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและกลุ่มสแกมเมอร์ในภูมิภาค ซึ่งสร้างความเสียหายต่อประชาชน พร้อมยืนยันว่า ไทยพร้อมร่วมมือกับทางการจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง ด้านเอกอัครราชทูตจีน เห็นพ้องและพร้อมเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับไทยในทุกมิติ โดยยินดีจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานไทย เพื่อป้องกันปราบปราม และยับยั้งปัญหาดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านความร่วมมือระดับภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความร่วมมือ เพื่อรักษาเสถียรภาพ ความมั่นคง และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยพร้อมทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong Lancang Cooperation: MLC) ครั้งที่ 5 ในช่วงเดือนธันวาคม 2568 นี้ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในภูมิภาค

สถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญสูงสุดต่อการรักษาอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดน และพร้อมร่วมมือในกรอบอาเซียนเพื่อสร้างความเข้าใจและรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ซึ่งไทยยึดมั่นในหลักสันติวิธีและจะดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ ด้านเอกอัครราชทูตจีนกล่าวว่า จีนมีท่าทีที่เป็นกลางต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยสนับสนุนให้ทั้งสองประเทศใช้กลไกที่มีอยู่แล้วในการเจรจาแก้ไขปัญหาอย่างสันติ เพื่อรักษาเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาค

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ