
รัฐใจป้ำ! ลดภาษี-คืนเงินคนเที่ยว เมืองรองคึกคักยันมี.ค.69
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว หลังเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทยช่วง 8 เดือนแรกติดลบ 8% โดยรายละเอียดมาตรการมีดังนี้
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
สำหรับประชาชน รัฐบาลจะให้สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 20,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. - 15 ธ.ค. 2568 ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวในเมืองรองจะสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและรายจ่ายให้เมืองรอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่านิติบุคคลที่นำพนักงานไปจัดสัมมนาท่องเที่ยวจะสามารถใช้สิทธิประโยชน์นี้ได้ด้วยหรือไม่
ในส่วนของภาครัฐ มีแผนให้หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจจัดสัมมนาเร็วขึ้น จากเดิมที่จัดในไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ เป็นไตรมาสแรกหรือไตรมาส 4 ของปีปฏิทิน งบประมาณที่ใช้รวมประมาณ 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ส่วนราชการกว่า 3,000 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจอีกกว่า 3,000 ล้านบาท รวมถึงงบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
สำหรับผู้ประกอบการโรงแรมและที่พัก รัฐบาลอนุญาตให้นำค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงซ่อมแซมและพัฒนาธุรกิจภายในเดือน มี.ค. 2569 มาหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า เช่น การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ หรือระบบบ่อบำบัดน้ำเสีย เพื่อประหยัดพลังงานและดูแลสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการลดภาษีสถานบริการจาก 10% เหลือ 5% โดยประสานกับกระทรวงมหาดไทย และกรมสรรพสามิต เพื่อลงทะเบียนผู้ประกอบการที่ถูกต้องและได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ทำให้ผู้ประกอบการไม่ต้องเปิดกิจการแบบเถื่อน
นายเอกนิติยังย้ำว่า รัฐบาลจะตั้งเป้าเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 ให้มากกว่า 93% ของงบที่ได้รับอนุมัติ และเบิกจ่ายงบลงทุนไม่น้อยกว่า 75% หลังจากปีงบประมาณ 2568 เบิกจ่ายได้เพียง 65% ของงบลงทุน เพื่อฟื้นเศรษฐกิจระยะยาว โดยจะเร่งรัดกระบวนการจัดทำ TOR ของการจัดซื้อจัดจ้าง และกำหนดกรอบเวลาให้โอนเงินลงสู่ภูมิภาคทันที
ด้านนโยบายการเงิน นายเอกนิติ เตรียมหารือร่วมกับนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อกำหนดกรอบเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อปี 2569 ว่าจะยังคงอยู่ระหว่าง 1-3% หรือไม่ พร้อมยืนยันว่าการติดลบของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเกิดจากราคาน้ำมันโลกและสินค้าเกษตรสดลดลง แต่ Core Inflation ยังคงเป็นบวก ซึ่งไม่ถือว่าเป็นความเสี่ยงร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ
ในส่วนการติดตามเงินทุน นายเอกนิติ ระบุว่าทีมทำงาน Connect the Dots จะติดตามตรวจสอบการเคลื่อนย้ายเงินทุนภายในเดือนธันวาคมนี้ ร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กลต. ปปง. และธปท. เพื่อตรวจสอบธุรกิจสีเทาและผลกระทบต่อค่าเงินบาท
ส่วนการเจรจากับสหรัฐฯ เกี่ยวกับภาษี 19% นายเอกนิติกล่าวว่ากำลังเจรจารายละเอียดทางเทคนิค เพื่อดึงสินค้าบางรายการออกจากบัญชีภาษี ลดภาระภาษี และกำหนดสัดส่วน Local Content พร้อมมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว