
ดรามา เม พรีมายา บานปลาย! คลินิกดังชี้แจงยิบ ลั่นทองแท้ไม่กลัวไฟ
23 ก.ย.2568 กระแสร้อนแรงบนโลกโซเชียลยังคงพุ่งเป้ามาที่ดรามา เม พรีมายา จากประเด็นร้อน กรณี เม พรีมายา เจ้าของแบรนด์อาหารเสริมชื่อดัง ออกมาโพสต์แฉสุดช้ำ ถูกคนสนิทที่เคยไว้ใจหักหลัง หลังฝากหุ้นธุรกิจไว้ในชื่ออีกฝ่าย จนถูกฮุบกิจการที่สร้างมากับมือ ทั้งที่รายได้ทะลุ 40-50 ล้านบาทต่อเดือน แต่กลับไม่เหลือสิทธิ์ใด ๆ ในสิ่งที่เธอร่วมสร้างมาเองนั้น
ภาพจาก Phitnari Tantiwit
ล่าสุดทางคลินิก Dermatige Aesthetics (เดอร์มาทีจ เอสเธติคส์) ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก เพื่อยืนยันข้อเท็จจริง หลังถูกพาดพิงจนทำให้เกิดความเข้าใจผิดและสร้างความเสียหายกับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง
ภาพจาก Dermatige Aesthetics
ทางคลินิกระบุว่า มีบุคคล (ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งคลินิกเดิม) พยายามนำข้อมูลบิดเบือนออกเผยแพร่ในโซเชียลเพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตน โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ศาลได้มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีแล้ว 1 คดีจากพฤติกรรมที่สร้างความเสียหาย แต่บุคคลดังกล่าวก็ยังเดินหน้าสร้างกระแสโจมตีและให้ข้อมูลเท็จอยู่เรื่อย ๆ
แถลงการณ์ยังยืนยันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2566 นั้นเป็นปัญหาที่เกิดจากตัวบุคคลดังกล่าวเอง ทำให้ชื่อเสียงเสียหาย กระทบต่อยอดขาย และสุดท้ายทำให้ พริมยา คลินิก ซึ่งเป็นแบรนด์เก่าต้องยุติกิจการไปในหลายสาขา
ภาพจาก Dermatige Aesthetics
ต่อมา ผู้ถือหุ้นและกรรมการเดิมได้ซื้อหุ้นคืนทั้งหมด และสร้างแบรนด์ใหม่ในชื่อ Dermatige Aesthetics เพื่อกอบกู้วิกฤติและเดินหน้าธุรกิจต่อ โดยไม่มีบุคคลดังกล่าวเข้ามาเกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนอีกต่อไป
ชี้ชัดประเด็นสำคัญ
บุคคลที่ถูกกล่าวถึง ไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้งหรือผู้บริหารของ Dermatige Aesthetics
ข้อมูลและเอกสารที่เผยแพร่ในโซเชียลหลายส่วนเป็นเท็จ แตกต่างจากเอกสารจริงที่ยื่นต่อศาล
คลินิกย้ำว่า ความจริงคือสิ่งไม่ตาย และทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ พร้อมยืนยันจะดำเนินการทางกฎหมายจนถึงที่สุด
ทั้งนี้ คลินิกยังขอให้สังคมฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน ไม่ตกเป็นเหยื่อของข่าวบิดเบือนหรือฟังความเพียงฝ่ายเดียว พร้อมย้ำว่าตนเองมีพยานหลักฐานที่สามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจน
ดรามานี้ยังคงถูกพูดถึงในหลายมุมบนโลกออนไลน์ โดยมีทั้งกลุ่มที่เชื่อมั่นในคำชี้แจงของคลินิก และกลุ่มที่ยังตั้งคำถามต่อความจริงทั้งหมด ซึ่งคงต้องรอติดตามกันต่อไปว่า ศาลและกระบวนการยุติธรรมจะชี้ชัดบทสรุปอย่างไร