สามง่ามอ่วมหนัก! แม่น้ำยมทะลัก ถนนถูกตัดขาด บ้านจมน้ำกว่า 90 หลังคาเรือน

สามง่ามอ่วมหนัก! แม่น้ำยมทะลัก ถนนถูกตัดขาด บ้านจมน้ำกว่า 90 หลังคาเรือน

วันที่ 6 ก.ย.2568 สถานการณ์แม่น้ำยม ในพื้นที่หลายหมู่บ้านของ ต.สามง่าม และ ต.รังนก อ.สามง่าม จ.พิจิตร กลับมาวิกฤตหนักอีกครั้ง หลังมีมวลน้ำเหนือจากพื้นที่ตอนบนในจ.สุโขทัย จ.พิษณุโลก ก้อนใหญ่ไหลทะลักมาอีกระลอกใหญ่ ประกอบกับมีมวลน้ำสะสมจากน้ำป่าในพื้นที่ไหลบ่าสมทบมาตามลำคลองสาขาเพื่อไหลเข้ามาลงแม่น้ำยมตามจุดต่างๆในพื้นที่ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำยมที่ไหลผ่านต.กำแพงดิน ต.สามง่าม และต.รังนก เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

นางสุรินทร์ โพธิ์งาม ชาวบ้านหมู่ 9 ต.สามง่าม เล่าว่า ในช่วง 2-3 วันมานี้ แม่นำยมเพิ่มสูงขึ้นรวดเร็วมากเอ่อล้นตลิ่งไหลท่วมบ้านเรือนประชาชนหลายสิบหมู่บ้าน ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร บางหลังคาเรือนท่วมสูงถึงขอบหน้าต่าง ชาวบ้านต้องขนย้ายทรัพย์สินไปอยู่ริมถนนแทนและต้องใช้เรือพายเข้าออกหมู่บ้าน ขณะที่ถนนสายหลักจากตัวอำเภอสามง่าม ไปยังตำบลรังนกฝั่งทิศตะวันตก ระดับน้ำท่วมสูง 30-40 ซม. รถเก๋ง รถจักรยานยนต์ ไม่สามารถวิ่งผ่านได้ต้องอ้อมไปใช้เส้นทางอื่นที่มีระยะทางไกลกว่าแทน

ส่วนนางธิดา ยุพนันท์ อายุ 69 ปี ชาวบ้านหมู่ 7 บ้านเนินยุ้ง ต.รังนก บอกว่า ระดับน้ำในแม่น้ำยมเมื่อวันสองวันที่ผ่านมานี้เพิ่มสูงขึ้นเร็วมาก ทำให้น้ำท่วมล้อมรอบหมู่บ้านเนินยุ้งทั้งหมดกว่า 90 หลังคาเรือน ชาวบ้านต้องติดเกาะ ถนนคอนกรีตเข้าออกหมู่บ้านจากถนนสายหลักมีเส้นทางเดียว ระยะทางยาวกว่า 3 กม.น้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ต้องใช้เรือติดเครื่องยนต์ และรถไถนาแบบต่อกระบะพ่วง ลุยฝ่ากระแสน้ำเข้าออกหมู่บ้านได้อย่างเดียวเท่านั้น

นอกจากนี้ประปาหมู่บ้านถูกน้ำท่วม ทางผู้ดูแลต้องปิดระบบการกรองน้ำ ชาวบ้านเลยใช้น้ำประปาได้แค่เพียงเอาไว้อาบเท่านั้น ต้องรวบรวมเงินกันสั่งซื้อน้ำดื่มแบบขวด แบบแกลลอนจากข้างนอกลุยฝ่าน้ำมาบริโภคช่วงนี้ ถือว่าหมู่บ้านเนินยุ้งชาวบ้านเดือดร้อนหนักแทบทุกหลังคาเรือน โดยเฉพาะผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และเด็กๆลำบากมาก

ทั้งนี้สำหรับแม่น้ำยมที่เอ่อท่วมพื้นที่ใน ต.รังนก ต.สามง่าม และบางส่วนของ ต.เนินปอ อ.สามง่าม ทุกๆปีเมื่อเกิดท่วมแล้วน้ำจะยังคงท่วมแช่ขังยาวนานประมาณ 2-3 เดือนหรือท่วมถึงราวๆกลางเดือนพ.ย.ของทุกๆปีจึงจะค่อยๆลดลงและเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากเป็นพื้นที่แอ่งกระทะลุ่มต่ำ

อย่างไรก็ตามเกษตรกรชาวนายังฝากบอกว่า ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านจ.พิจิตร ทั้งแม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน มีปริมาณมากเกินจุดวิกฤต แต่ตรงกันข้ามแม่น้ำพิจิตร และคลองข้าวตอก รวมระยะทางยาวกว่า 100 กม.กลับมีน้ำกักเก็บเพียงไม่ถึง 50 % ของความจุ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่มีแนวคิดที่จะดึงน้ำมากักเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในฤดูแล้งปล่อยน้ำไหลผ่านลงทะเลไปโดยเปล่าประโยชน์

เนื่องจากต้นน้ำพิจิตรและคลองข้าวตอก เป็นแหล่งน้ำหล่อเลี้ยงวิถีชีวิตชาวพิจิตรถึง 6 อำเภอ อีกทั้งแม่น้ำมีประตูระบบผันน้ำจากแม่น้ำน่านและโครงการต่างๆแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เช่น โครงการส่งน้ำบ้านวังกระดี่ทอง ต.ย่านยาว อ.เมืองพิจิตร

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ