เมื่อวันที่ 6 ก.ย.68 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่กฎกระทรวง ฉบับที่ 399 (พ.ศ.2568) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ระบุว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร

ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ.2513 และมาตรา 42 (17) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2496

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (109) ของข้อ 2 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2503) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร

(109) ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล ที่ได้กระทำในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล กระทำผ่านนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือที่ได้โอนให้แก่ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน ทั้งนี้ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2572

ให้ไว้ ณ วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2568 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

สำหรับเหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินและศูนย์กลางการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลของโลก และส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศเพิ่มมากขึ้น อันจะเป็นประโยชน์แก่การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

จึงสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธธรรมดาเพื่อกำหนดให้ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอน คริปโทเคอร์เรนชีหรือโทเคนดิจิทัล ที่ได้กระทำในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลกระทำผ่านนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือที่ได้โอนให้แก่ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล

ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน (กำไร) เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ โดยคาดว่าราชกิจจาฯนี้ จะช่วยเพิ่มการผลักดันการเทรดคริปโต เพื่อเป็นอีกก้าวให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเงินของอาเซียน