วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี มีการจัดพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี โดยมีผู้กำกับมากฝีมือ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง เดินทางมาร่วมรับปริญญาบัตร ซึ่งอ๊อฟ ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่ประเทศไทยกำลังมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำประเทศอยู่ขณะนี้

โดยเจ้าตัว เผยว่า เฮ้อๆ ชั่วโมงนี้ เวลานี้เฮ้อ มีความหวังไหม ทุกวันนี้ผมไม่อยากพูด เดียวจะโดนสีนั้นสีนี้มาอีก ขออนุญาตไม่วิจารณ์ก็แล้วกัน เราเป็นแค่คนไทยต้องทำตามกฎหมายเรื่องของการเลือกตั้ง แล้วเผอิญคนส่วนมากของประเทศเราเลือกพรรคหนึ่ง แล้วพรรคหนึ่งมาจัดตั้งรัฐบาล เราก็ต้องให้สิทธิ์เขาจัดตั้ง เขาจะเอาใครมาเป็นนายกเราไม่สามารถกำหนดได้ แต่เราสามารถเฝ้าดูการทำงานของเขาได้ ชอบได้ไม่ชอบได้ วิจารณ์ได้ในขอบเขตเป็นสิทธิ์ของเรา เพราะฉะนั้นใครจะมาเป็นนายกก็เหมือนกันแหละ

อ๊อฟ ยังกล่าวต่อว่า ผมเองทำงานระบบการทำงานของผม คือ ผมไม่ใช่คนเก่ง แต่ผมเลือกคนเก่งมาทำงาน ผมเลือกผู้ช่วยเก่งๆ ผมเลือกนักแสดงดีๆ เอ๋-กษมา หม่ำจ๊กมก นี่คล่องมาก หรือฝ่ายศิลป์เลือกเก่งๆ มาอุ้มเรา นี่คือการทำงานของผม แล้วถ้ารัฐบาลเอาแบบนี้ไปทำได้นะครับ ท่านไม่ต้องเก่งไม่ต้องรู้ทุกเรื่อง เอาคนเก่งมา แต่ขอให้เก่งจริง แล้วที่สำคัญสุดในเรื่องของประเทศชาติ คือ ความซื่อสัตย์ จริยธรรมต้องมีครับ

ส่วนเรื่องที่เจ้าตัวอยากให้แก้มากที่สุด อ๊อฟ เผยว่า เยอะนะ ผมว่าที่ไม่เคยได้รับการแก้หรือเหลียวแลเลยคือปัญหาปากท้องของผู้ไม่มีอันจะกิน ผู้มีรายได้น้อย ไม่เคยแก้ปัญหาเลย ที่ทำอยู่นี้ประชานิยมล้วนๆ ไม่ว่าเรื่องแจกเงินแจกอะไรกัน มันเป็นการแก้ที่ปลายเหตุทั้งสิ้น คุณจะให้เขาได้อาหาร แทนที่คุณจะแจกเบ็ดไปแจกปลาเลยเอาไปกินมื้อเดียวก็หมดเลย

แต่ถ้าคุณแจกเบ็ดสอนวิธีหาเหยื่อสอนตกเบ็ดมันกินได้ตลอดชีวิตนะ นี่คือฐานของธรรมชาติสุด นี่เหรอจนเหรอเอาเงินไปๆ เงินจากไหนก็งบประมาณ ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่า ผมไม่ใช่รัฐบาลนะ ผมไม่ใช่คนเก่งจะมาเชิญผมไปเป็นรัฐมนตรีนั่นนี่ผมไม่ไปนะ แต่ว่ามันง่ายๆ แค่นี่เองนะ โอ๊ะ พูดมากไปแล้ว เดียวเขายึดปริญญาคืน