วันที่ 29 ส.ค.2568 เวลา 10.00 น.ร.ต.อ.สมศักดิ์ ขอเทียม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก ได้รับแจ้งเหตุ พบร่างเสียชีวิตลอยมาติดกอหญ้าริมแม่น้ำน่าน บริเวณเชิงสะพานเอกาทศรถ จึงประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลพุทธชินราช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย สมาคมกู้ภัยข่าวภาพ เข้าตรวจสอบทันที

โดยสถานที่เกิดเหตุเป็นกอหญ้าขนาดใหญ่ริมแม่น้ำน่าน อยู่ด้านหลังตลาดไนท์บาร์ซ่า อาคาร 2 เชิงสะพานเอกาทศรถ มีคนจำนวนมายืนดูเหตุการณ์ดังกล่าว ทางเจ้าหน้าจึงได้กันที่เกิดเหตุเอาไว้ พร้อมประสานขอใช้เรือหางยาวรีบดำเนินการนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากจุดก่อเหตุซึ่งเป็นพงหญ้ารก เนื่องจากมีตัวเงินตัวทองว่ายไปมาเป็นจำนวนมาก อยู่ใกล้เคียงบริเวณร่างผู้เสียชีวิต

จากการตรวจสอบพบว่าร่างดังกล่าวเป็นหญิงมีสภาพเปื่อยยุ่ย เหลือครึ่งร่างด้านล่างสวมกางเกงขาสั้น 5 ส่วนที่ดำ ขาว ส่วนครึ่งร่างด้านบนมีร่องรอยจากการถูกสัตว์แทะประกอบกับร่างเปื่อยยุ่ย เหลือแต่โครงกระดูกและกะโหลกศรีษะ จึงได้นำร่างขึ้นมาและส่งนิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก

ซึ่ง เมื่อวันที่ 23 ส.ค.2568 ที่ผ่านมา ญาติของ น.ส.มณีพัชชา อายุ 52 ปี ชาวอ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ได้โพสต์ตามหาตัว เนื่องจากหายตัวออกจากบ้านในพื้นที่ชาติตระการ และได้เขียนโน้ตแปะไว้ที่บ้านว่า ไปหาหมอที่พิดโลกก่อนนะ ไปรถเมล์ เดี๋ยวมา โดยได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดไว้ที่ ขนส่งโดยสารชาติตระการ หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย

จนเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2568 มีคนที่มาวิ่งออกกำลังกายที่สวนชมน่านพิษณุโลก พบถุงผ้าสีเขียว ภายในบรรจุบัตรประจำตัวประชาชนของนางสาวมณีพัชชา พร้อมด้วยเงินสดจำนวนหนึ่ง และรองเท้า ถอดอยู่ริมน้ำน่าน เยื้องๆกับไปรษณีย์ (ริมน้ำ)

ทางญาติสงสัยว่าอาจจะกระโดดน้ำเนื่องจากพบว่า นางสาวมณีพัชชา เคยรักษาตัวอาการโรคซึมเศร้า จึงได้ประสานมูลนิธิประสาทบุญสถานนำเรือออกค้นหา ตั้งแต่เวลา 13.00-18.00 น. ของวันที่ 28 ส.ค.68 แต่ต้องยุติภารกิจเนื่องจากเป็นช่วงเวลาเย็น และระดับน้ำในแม่น้ำน่านเพิ่มปริมาณขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว กระทั่งมาพบร่างหญิงปริศนาในเช้าวันนี้

ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการติดต่อไปสานไปยังครอบครัวของ นางสาวมณีพัชชา เพื่อให้มายืนยันตัวตนว่าร่างที่พบในแม่น้ำจะใช่นางสาวมณีพัชชาหรือไม่ เนื่องจากสภาพที่พบเหลือเพียงครึ่งตัวล่างไม่สามารถระบุตัวตนได้ ซึ่งจะต้องมีการตรวจเทียบ DNA เพื่อความแน่ชัด หากตรวจสอบแล้วเป็นบุคคล คนเดียวกัน จะมอบร่างให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป