บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ประกาศยุติการผลิตรถสปอร์ตรุ่นตำนาน GT-R อย่างเป็นทางการ หลังเผชิญต้นทุนพัฒนาที่สูงขึ้นจากกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น โดยรถคันสุดท้ายได้ออกจากสายการผลิตที่โรงงานโทชิงิ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา

GT-R ถือกำเนิดในฐานะรุ่นหนึ่งของ Skyline เปิดตัวครั้งแรกในปี 1969 ก่อนกลับมาอีกครั้งปี 1989-2002 และได้รับการพัฒนาใหม่ในปี 2007 ภายใต้ยุคของ คาร์ลอส กอส์น อดีตซีอีโอนิสสัน จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของความแรงและเทคโนโลยีของค่าย

จุดเด่นของ GT-R คือ เครื่องยนต์ V6 เทอร์โบสมรรถนะสูง พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่ละเครื่องถูกประกอบด้วยมือโดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ ทำให้รถรุ่นนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลกในฐานะ เรือธง ของนิสสัน

ตลอด 18 ปีที่ผ่านมา มีการผลิต GT-R กว่า 48,000 คัน โดยขายในญี่ปุ่นกว่า 17,000 คัน อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ทำให้ต้นทุนเพิ่มสูง ส่งผลให้ราคารถพุ่งจากรุ่นแรกที่ 7.77 ล้านเยน (ราว 1.7 ล้านบาท) ไปจนถึงรุ่นล่าสุดที่ 14.44 ล้านเยน (ราว 3.1 ล้านบาท) หรือแพงขึ้นเกือบ 1.8 เท่า

มัตสึโมโตะ มิตสึทากะ วิศวกรผู้อยู่เบื้องหลัง GT-R ยอมรับว่า แม้ทีมงานจะทุ่มเทอย่างหนัก แต่ท้ายที่สุดก็ต้องยุติการผลิต เพราะกังวลว่าลูกค้าจะไม่สามารถซื้อหาได้ในราคาที่เหมาะสม พร้อมทิ้งท้ายความหวังว่า GT-R เจเนอเรชันใหม่อาจกลับมาอีกครั้งในอนาคต ด้วยดีเอ็นเอที่สดใหม่กว่าเดิม

ทั้งนี้ นิสสันกำลังอยู่ในช่วงปรับโครงสร้างธุรกิจ หลังประกาศขาดทุนสุทธิในไตรมาส เม.ย.-มิ.ย. ที่ผ่านมา กว่า 115,700 ล้านเยน (ราว 25,000 ล้านบาท) ทำให้การสร้างความน่าดึงดูดของผลิตภัณฑ์เพื่อตีตลาดกลับมา เป็นโจทย์ใหญ่ที่บริษัทต้องเร่งแก้ไข