
เด็ก 13 หาย 2 วัน เจอตัวในสภาพเบลอ หลังดื่ม สูตรผสม กับเพื่อน
25 ส.ค. 2568 มีรายงานว่า ศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจากนายวสันต์ ประทุมชัย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านจั่น ว่าพบเด็กชายมีอาการแปลก พูดจาไม่รู้เรื่อง นั่งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อริมถนนเลี่ยงเมือง อุดรธานี-หนองบัวลำภู ต.บ้านจั่น อ.เมืองอุดรธานี
เจ้าหน้าที่ตำรวจตำบลบ้านจั่นรีบเข้าตรวจสอบ พร้อมประสานญาติในพื้นที่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี หลังพบว่ามีการโพสต์ตามหาน้องชายวัย 13 ปีที่หายออกจากบ้านพร้อมรถจักรยานยนต์ เมื่อ 2 วันก่อน
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบเด็กชายวัย 13 ปี ซึ่งต่อมาทราบชื่อเล่นว่า น้องเอ พร้อมพ่อแม่ที่เดินทางมารับตัวด้วยความเป็นห่วง สภาพเด็กมีอาการอ่อนแรง มึนงง และพูดจาวกวน โดยไม่พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ หมายเลขทะเบียน 2กจ-1816 อุดรธานี ที่ขี่ออกจากบ้านไป
หลังสอบถาม น้องเอ ระบุว่าจำได้คร่าว ๆ ว่าจอดรถไว้ห่างจากจุดพบประมาณ 1 กิโลเมตร แต่เมื่อตรวจสอบแล้วก็ไม่พบรถดังกล่าว ขณะที่พ่อแม่ก็ยืนยันว่า ลูกยังพูดจาไม่รู้เรื่อง จึงพาไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาทันที
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 24 ส.ค. นางบี (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี มารดาเด็ก ได้เข้าแจ้งความกับ สภ.เมืองอุดรธานี ว่าลูกชายออกจากบ้านตั้งแต่คืนวันที่ 23 ส.ค. พร้อมรถจักรยานยนต์ และคาดว่าไปเที่ยวในตัวเมืองกับกลุ่มเพื่อนราว 9 คน แต่จนถึงเช้าก็ยังไม่กลับมา ทำให้เธอเป็นห่วงอย่างมาก จึงโพสต์ประกาศตามหาบุตรในโซเชียลก่อนเข้าแจ้งความ
หลังจากพบลูกแล้ว แม่น้องเอ เผยว่า ทราบว่าลูกเคยดื่มน้ำกระท่อมมาก่อน แต่ไม่คิดว่าจะมีการผสมยาบี 5 ด้วย ซึ่งคาดว่าอาจเป็นสาเหตุให้ลูกชายมีอาการหลอนและความจำเลอะเลือน พร้อมทั้งเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดกับร้านค้าที่ลักลอบขายน้ำกระท่อมให้เยาวชน
ด้านน้องเอ ให้การเบื้องต้นว่า ขี่รถเข้ามาเที่ยวกับเพื่อน ๆ ก่อนเกิดอาการมึนงง และจำอะไรไม่ได้อีก ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนอยู่ใกล้คลองน้ำข้างถนนเลี่ยงเมือง สภาพร่างกายมีรอยแตนต่อยและถูกกิ่งไม้บาด เพราะนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ข้างทาง ก่อนเดินเท้ามาเรื่อย ๆ จนมีพลเมืองดีพบเจอ
ผู้ใหญ่บ้านบ้านจั่น เล่าว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีเด็กวัยรุ่นมานั่งร้องไห้และโวยวายหน้าร้านสะดวกซื้อ จึงรีบออกไปตรวจสอบกับตำรวจ พบว่าเด็กอยู่ในอาการมึนเบลอ พูดจาไม่รู้เรื่อง บางช่วงก็ร้องไห้เสียงดัง ก่อนจะตรวจสอบจากโซเชียลและพบว่าเป็นเด็กที่กำลังถูกตามหา จึงรีบแจ้งญาติมารับตัว
เบื้องต้นคาดว่า อาการดังกล่าวเกิดจากฤทธิ์ของน้ำกระท่อมผสมยาเสพติด ซึ่งอยู่ระหว่างการรักษาและสืบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้าถึงสารเสพติดของเยาวชนในครั้งนี้