
3 ของใช้ในห้องนอนที่ควรทิ้งด่วน! แพทย์เตือน เสี่ยงพังทั้งผิว ทั้งปอด
แม้ ห้องนอน จะเป็นพื้นที่พักผ่อน แต่คุณอาจไม่รู้ว่ามี ภัยเงียบ ซ่อนอยู่ใกล้ตัว ล่าสุด ดร.เซารับ เซธี (Dr. Saurabh Sethi) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารจากแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ได้ออกมาโพสต์ผ่านอินสตาแกรม เตือนให้ระวัง 3 สิ่งที่ไม่ควรอยู่ในห้องนอน เพราะแฝงไว้ด้วยสารอันตรายที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างคาดไม่ถึง
ดร.เซารับ เซธี (Dr. Saurabh Sethi)
1. หมอนเก่าหมอนที่ใช้นานเกิน 1-2 ปีมักเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่น เหงื่อ และสารก่อภูมิแพ้ แม้จะดูสะอาดแต่จริงๆ แล้วอาจเต็มไปด้วยแบคทีเรีย เชื้อรา และกลิ่นอับชื้น โดยเฉพาะหากหมอนชื้นจากน้ำลาย ผมเปียก หรืออากาศที่อับทึบ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาผิวหนัง ติดเชื้อ หรือทำลายคุณภาพการนอนหลับ รวมถึงทำให้เกิดอาการปวดคอ ปวดหัวเรื้อรังได้
2. สเปรย์ปรับอากาศ แม้กลิ่นหอมในห้องจะช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย แต่สเปรย์ปรับอากาศจำนวนมากกลับปล่อย สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์ เบนซีน และโทลูอีน ที่สามารถกระตุ้นอาการแพ้ ระคายเคืองทางเดินหายใจ ไปจนถึงเสี่ยงโรคเรื้อรัง เช่น โรคหืด หรือแม้แต่โรคมะเร็งในระยะยาว บางคนอาจมีอาการปวดหัว ไมเกรน หรือคันตามผิวหนังจากการสัมผัสน้ำหอมสังเคราะห์เป็นเวลานาน
3. ที่นอนเก่าถ้าที่นอนของคุณมีอายุมากกว่า 7-10 ปี อาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนใหม่ เพราะโครงสร้างที่นอนที่เสื่อมสภาพอาจทำให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง หลับไม่สนิท และนอกจากจะไม่รองรับสรีระแล้ว ยังอาจเป็นแหล่งสะสมของฝุ่น เซลล์ผิวหนังที่หลุดร่วง และความชื้นซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้ และมลพิษในอากาศภายในห้องอีกด้วย
ตรวจสอบและเปลี่ยนของใช้เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีและการนอนหลับที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจากnypost