
ด่วน!! รวบหัวหน้าแก๊ง เสือปุ่น-บอล
ตร.นครบาล บุกจับ เสือปุ่น หัวหน้าแก๊งปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาทจากเหยื่อซื้อคริปโต กลางลานจอดรถห้างดังย่านลาดพร้าว หลังหนีซุกตัวในบ้านเช่าปทุมฯ พร้อมสมุนอีกหนึ่งคน ขณะนี้ยังเหลือผู้ร่วมขบวนการอีก 1 รายที่ยังหลบหนี
เกิดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่ลานจอดรถชั้น 1 ของศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในย่านลาดพร้าว เมื่อกลุ่มคนร้าย 7 คนร่วมกันก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาทจากผู้ที่นัดมาซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล (คริปโตเคอร์เรนซี)
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัย และชุดสืบสวน กก.สส.บช.น. เร่งคลี่คลายคดี จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาแล้ว 4 ราย ได้แก่
นายเฌอพัชญ์ หรือ หนาว อายุ 25 ปี (สาวประเภทสอง)
น.ส.นานา หรือนานา อายุ 31 ปี
นายนนทวัฒน์ หรือ สอง อายุ 28 ปี
นายอนันต์ชัย หรือ ไอซ์ อายุ 26 ปี
ล่าสุด (19 ก.ค. 68) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลือวิไล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน บช.น. และชุดปฏิบัติการ ได้นำกำลังบุกเข้าตรวจค้นบ้านเช่าในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง พื้นที่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จับกุมผู้ต้องหาสำคัญ 2 ราย ได้แก่
นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี หัวหน้าแก๊ง
นายบอล (ยังไม่เปิดเผยนามสกุล)
จากการตรวจค้นพบของกลางจำนวนหนึ่ง ได้แก่
อาวุธปืนสั้น 1 กระบอก
กระสุนปืนจำนวนหนึ่ง
ระเบิดชนิด น้อยหน่า
เงินสด 3,000 บาท
ของใช้ส่วนตัว และสิ่งของต้องสงสัยหลายรายการ
เบื้องต้น นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้วางแผนและลงมือปล้นจริง โดยให้เหตุผลว่า เห็นว่าเป็นเงินจากการซื้อขายคริปโต ซึ่งคิดว่าเหยื่อจะไม่กล้าเข้าแจ้งความ เพราะอาจมีลักษณะเป็น เงินสีเทาทั้งนี้ เงินที่ได้รับส่วนแบ่งกว่า 1 ล้านบาท ได้นำไปใช้เที่ยวเตร่ เสพยา และหลบหนีตำรวจเรื่อยมา จนเงินหมด เหลือติดตัวเพียง 3,000 บาท โดยเสือปุ่นยังอ้างว่ากระเป๋าหลุยส์ วิตตอง ที่พบในที่พักนั้น เพื่อนให้มา
ขณะนี้ยังคงเหลือผู้ต้องหาอีก 1 ราย คือ
นายรุ่งนิรันดร์ หรือ โบ้ ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนี
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัว โบ้ มาดำเนินคดี พร้อมเตรียมขยายผลหาความเชื่อมโยงอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรืออาวุธสงครามที่พบในการตรวจค้น
คดีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งคดีปล้นที่สะท้อนถึงพฤติกรรมอุกอาจของอาชญากรยุคใหม่ ที่หันมาเล็งเป้าหมายจากธุรกรรมคริปโตที่ไม่มีระบบคุ้มครองแบบธนาคาร ซึ่งตำรวจฝากเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังในการนัดซื้อขายสินทรัพย์ประเภทดังกล่าว.