วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้ยื่นขอขยายเวลาชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญในคดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยระบุว่า การขอขยายเวลาเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ตามกฎหมาย และไม่ใช่ประเด็นที่น่ากังวล

ในประเด็นข้อกล่าวหาเรื่องการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง นายชูศักดิ์กล่าวว่า หลายฝ่ายกำลังพิจารณาคดีนี้ในเชิงการเมืองมากเกินไป จนละเลยกรอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญ และไม่ได้พิจารณาว่าสาระของจริยธรรมร้ายแรงคืออะไร ตอนนี้คนวิจารณ์กันเต็มไปหมด แต่ถามว่ารู้ไหมว่าจริยธรรมร้ายแรงมีกี่ข้อ? มีอะไรบ้าง? ตนเองดูแล้วก็ยังไม่เห็นว่าเข้าข่ายข้อใดเลย เขากล่าว เมื่อถูกถามว่าจากคำชี้แจงเบื้องต้นแสดงให้นายกรัฐมนตรีมีแนวโน้มรอดพ้นจากข้อกล่าวหาหรือไม่ นายชูศักดิ์ย้ำว่า ตนได้พูดมาตลอดว่าไม่พบว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมใด ๆ พร้อมหลีกเลี่ยงที่จะตอบว่า มีใครให้ความช่วยเหลือในการจัดทำคำชี้แจงครั้งนี้หรือไม่

ประเด็น พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข

นอกจากนี้ นายชูศักดิ์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข ที่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบให้ใช้ร่างที่เสนอโดยพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นหลักในชั้นกรรมาธิการ โดยประเมินว่า มีความเป็นไปได้ที่ร่างกฎหมายฉบับนี้จะผ่านความเห็นชอบได้ในครั้งนี้

เมื่อถูกสื่อมวลชลถามว่า การที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องการรวบคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 (หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ) เข้ามาร่วมพิจารณาในร่างนี้ จะช่วยให้ร่างผ่านได้ง่ายขึ้นหรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบสั้น ๆ ว่า ก็อาจจะพอไปได้ ต้องดูที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณากันต่อไป

ทั้งนี้ ท่าทีของนายชูศักดิ์สะท้อนว่า ฝ่ายรัฐบาลยังคงมั่นใจในท่าทีทางกฎหมาย และพยายามรักษากรอบการดำเนินการให้อยู่บนพื้นฐานของรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรม ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่มีน้ำหนักไปทางการเมือง.