ไทยไม่รอด! สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้ารอบ 2 ซัด 24 ประเทศรวด สูงสุด 40% คิกออฟ 1 ส.ค.นี้

ไทยไม่รอด! สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้ารอบ 2 ซัด 24 ประเทศรวด สูงสุด 40% คิกออฟ 1 ส.ค.นี้

วันที่ 14 ก.ค. 2568 สื่อต่างประเทศ รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศมาตรการภาษีนำเข้ารอบใหม่ จัดหนัก 24 ประเทศ คู่ค้าทั่วโลก เริ่มเก็บตั้งแต่ 20% สูงสุดถึง 40% โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐ ยังวางแผนจะเรียกเก็บภาษีนำเข้า แบบเหมารวม เพิ่มเป็น 15-20% จากระดับ 10% เดิม อีกด้วย

มาตรการดังกล่าวครอบคลุมตั้งแต่ แคนาดา เม็กซิโก สหภาพยุโรป อาเซียน จนถึงกลุ่ม BRICS บางประเทศ โดย บราซิล ถูกปรับลดจาก 50% เหลือ 10% ขณะที่ ทองแดง ถูกจัดเก็บเฉพาะ 50% ครอบคลุมวัสดุโครงข่ายไฟฟ้า การทหาร และศูนย์ข้อมูล

 สำหรับ อัตราภาษีใหม่นำเข้าของแต่ละประเทศ ประกอบไปด้วย

1. ฟิลิปปินส์ อัตราเดิม : 17% อัตราใหม่ : 20%

2. บรูไน อัตราเดิม : 24% อัตราใหม่ : 25%

3. มอลโดวา อัตราเดิม:31% อัตราใหม่:25% 

4.ญี่ปุ่น อัตราเดิม:24% อัตราใหม่:25%

5.เกาหลีใต้ อัตราเดิม:25% อัตราใหม่:25%

6.มาเลเซีย อัตราเดิม:24% อัตราใหม่:25%

7.คาซัคสถาน อัตราเดิม:25% อัตราใหม่:25%

8.ตูนิเซีย อัตราเดิม:28% อัตราใหม่:25%

9.สหภาพยุโรป อัตราเดิม:26% อัตราใหม่:30%

10.เม็กซิโก อัตราเดิม:27% 30%

11.ศรีลังกา อัตราเดิม:44% 30%

12.อิรัก อัตราเดิม:30% 30%

13.ลิเบีย อัตราเดิม:31% 30%

14.แอลจีเรีย อัตราเดิม:30% อัตราใหม่:30%

15.แอฟริกาใต้ อัตราเดิม:33% อัตราใหม่:30%

16.บอสเนียฯ อัตราเดิม:30% อัตราใหม่:30%

17.อินโดนีเซีย อัตราเดิม:32% อัตราใหม่:32%

18.แคนาดา อัตราเดิม:28% อัตราใหม่:35%

19.เซอร์เบีย อัตราเดิม:35% อัตราใหม่:35%

20.บังกลาเทศ อัตราเดิม:34% อัตราใหม่:35%

21.ไทย อัตราเดิม:36% อัตราใหม่:36%

22.กัมพูชา อัตราเดิม:41% อัตราใหม่:36%

23.เมียนมา อัตราเดิม:46% อัตราใหม่:40%

24.ลาว อัตราเดิม:48% อัตราใหม่:40%

25.บราซิล อัตราเดิม:50% อัตราใหม่:10%

เวียดนาม ถูกปรับภาษีเหลือ 20% จากเดิมที่เคยขู่ไว้ 46% แต่ถ้าสินค้าเป็นการส่งต่อจากจีน จะถูกคิดภาษีสูงถึง 40% ล่าสุดรัฐบาลฮานอยกำลังขอเจรจาลดอัตราเพิ่มเติม ขณะที่ อินเดีย เจอแรงกดดันจากกรณีบราซิล ถูกปรับลดภาษี ท่ามกลางความพยายามของสหรัฐเจรจาข้อตกลงใหม่ อาจส่งผลให้สินค้านำเข้าจากอินเดียต่ำกว่า 20% หากตกลงสำเร็จ

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ