กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มกระบวนการปลดพนักงานภายในประเทศกว่า 1,350 คน เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ภายใต้นโยบายปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน โดยในจำนวนนี้ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่พลเรือน 1,107 คน และเจ้าหน้าที่บริการต่างประเทศ 246 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดขนาดหน่วยงานและปรับปรุงประสิทธิภาพองค์กร ตามแนวคิด America First

ท่ามกลางวิกฤตโลกรายล้อม การปรับลดบุคลากรเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์โลกตึงเครียด ทั้งสงครามในยูเครน ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน และปัญหาในฉนวนกาซา ซึ่งนักวิจารณ์หลายฝ่ายมองว่า การปลดเจ้าหน้าที่บริการต่างประเทศอาจลดทอนศักยภาพของสหรัฐฯ ในการรักษาอิทธิพลและปกป้องผลประโยชน์ระหว่างประเทศ

ประกาศภายในย้ำ ลดซ้ำซ้อน เพิ่มประสิทธิภาพ ประกาศจากกระทรวงระบุว่า การปรับลดครั้งนี้มุ่งเน้นงานที่ไม่ใช่หน้าที่หลัก และสำนักงานซ้ำซ้อน เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานด้านการทูต โดยจำนวนพนักงานที่จะลดทั้งหมดตลอดโครงการเกือบ 3,000 คน จากพนักงาน 18,000 คนทั่วประเทศ

บรรยากาศเศร้า พนักงานร่ำลา ขณะเดียวกัน พนักงานหลายสิบคนรวมตัวกันจัดกิจกรรมอำลาเพื่อนร่วมงานที่ถูกปลด บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า หลายคนกอดกันและร้องไห้ ขณะที่เพื่อนพนักงานด้านนอกร่วมปรบมือให้กำลังใจ และชูป้ายข้อความ ขอบคุณนักการทูตของอเมริกา

นักวิเคราะห์เตือนว่า การลดกำลังคนทางการทูตในช่วงเวลาที่คู่แข่งสำคัญอย่าง จีน และรัสเซีย กำลังเร่งขยายบทบาทในเวทีโลก อาจทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบเชิงยุทธศาสตร์ในระยะยาว