โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศมาตรการภาษีใหม่ เตรียมเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรป (EU) และเม็กซิโก อัตรา 30% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2025 พร้อมเตือนอย่างแข็งกร้าว หากสองชาติพันธมิตรตอบโต้กลับ จะปรับขึ้นภาษีให้สูงกว่านี้อีก

โดยก่อนหน้านี้ สหภาพยุโรปหวังจะบรรลุข้อตกลงก่อนถึงเส้นตาย หลังมีการเจรจาระหว่างผู้แทนอย่างต่อเนื่อง ด้าน อัวร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ยืนยันว่าพร้อมปกป้องผลประโยชน์ของ EU และเตรียมมาตรการตอบโต้หากจำเป็น

ในจดหมายถึง EU ทรัมป์ระบุว่า แม้ทั้งสองฝ่ายเจรจาการค้ากันมาหลายปี แต่ยังคงมีปัญหาขาดดุลการค้าระยะยาวจากนโยบายภาษีและอุปสรรคทางการค้าของ EU พร้อมวิจารณ์ว่าความสัมพันธ์การค้าระหว่างกันที่ผ่านมา ไม่เป็นธรรมและไม่เท่าเทียม

ย้อนกลับไปในอดีต ทรัมป์เคยขู่จะขึ้นภาษีสินค้าจาก EU ถึง 50% หากการเจรจาไม่คืบหน้า โดยในปี 2024 สหรัฐฯ มีตัวเลขขาดดุลการค้ากับ EU สูงถึง 235,600 ล้านดอลลาร์ ผู้นำชาติสมาชิก EU ต่างแสดงความไม่เห็นด้วย เช่น เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่ออกมาโจมตีอย่างหนัก และ จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ก็ย้ำว่าต้องการข้อตกลงที่เป็นธรรม หลีกเลี่ยงสงครามการค้าข้ามแอตแลนติก

ขณะที่ในจดหมายถึงเม็กซิโก ทรัมป์ระบุว่า เม็กซิโกยังรับมือปัญหายาเสพติดข้ามพรมแดนอย่างไม่เพียงพอ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าสินค้าเม็กซิโกที่อยู่ภายใต้ข้อตกลง USMCA ปี 2020 จะได้รับการยกเว้นหรือไม่ ขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่า สินค้าจากแคนาดาจะได้รับการยกเว้น

คลอเดีย ไชน์บัมม์ ผู้นำเม็กซิโก แสดงความมั่นใจว่าจะสามารถเจรจากับสหรัฐฯ ได้ พร้อมย้ำว่า ความมั่นคงของประเทศไม่ใช่สิ่งที่ต่อรองได้

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเตรียมปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอีกหลายประเทศในช่วงเวลาเดียวกัน ได้แก่ ญี่ปุ่น 25% เกาหลีใต้ 25% แคนาดา 35% บราซิล 50% พร้อมส่งจดหมายแจ้งเตือนไปยังชาติคู่ค้ารายอื่นๆ อีกเช่นกัน สถานการณ์นี้อาจนำไปสู่สงครามการค้าใหม่ระดับโลก หากการเจรจาไม่บรรลุผลทันก่อนถึงเส้นตาย 1 สิงหาคม