กกต. ออกมาโต้ ข่าวฟ้อง 229 คน เอี่ยวฮั้ว สว.

กกต. ออกมาโต้ ข่าวฟ้อง 229 คน เอี่ยวฮั้ว สว.

เมื่อวันที่ 12 ก.ค.68 ทางเพจเฟซบุ๊ก สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ว่า คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง ชุดที่ 26 เตรียมเสนอสำนวนเข้าสู่การพิจารณาของ กกต. ชุดใหญ่ เพื่อฟ้องผู้เกี่ยวข้องกับคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 229 ราย ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2568

กกต. ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยระบุว่า ขณะนี้สำนวนยังอยู่ใน "ขั้นตอนที่ 1" ซึ่งเป็นการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง ชุดที่ 26 ที่กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

ทั้งนี้ การดำเนินการยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และอยู่ในช่วงของการขอขยายระยะเวลาสืบสวน โดยมีกำหนดครบกำหนดในวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 จึงยัง ไม่มีการนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม กกต. ชุดใหญ่ ตามที่ปรากฏเป็นข่าว

4 ขั้นตอนการพิจารณาการพิจารณาสำนวนตามระเบียบคบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยขึ้นาด พ.พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2566 มีขั้นตอนการพิจารณาออกเป็น 4 ชั้น ดังนี้

ชั้นที่ 1 เมื่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ได้รับส่านวนแล้ว ให้ดำเนินการสืบสวนหรือได้สวน และจัดท่าความเห็น เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ให้จัดส่งส่านวนไปยังสำนักงานกกกต.(ส่วนกลาง) โดยเร็ว

ชั้นที่ 2 สำนักงานกกกด. ได้รับส่านวนแล้วให้พนักงานสืบสวน และได้สวนผู้รับผิดชอบส่านวนด่าเนินการวิเคราะห์สำนวน และจัดทำความเห็นเสนอผ่านผู้อ่านวยการฝ่าย รองผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการการส่านัก และเลขาธิการกกด.(รองเลขาธิการ คณะกรรมการกกต.ที่ได้รับมอบหมาย)

ชั้นที่ 3 คณะอนุกรรมการวินิจฉัยขี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง เมื่อคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาด ปัญหาหรือข้อโต้แย้งได้ พิจารณาแล้วจะทำความเห็น และสำนักงายกกกต.เสนอส่านวน ให้คณะกรรมการกกต.พิจารณา

ชั้นที่ 4 คณะกรรมการกกด. เมื่อคณะกรรมการกกด.ได้รับสำนวน จากคณะอนุกรรมการวินิจฉัยขี้ขาดปัญหาหรือข้อข้อโต้แย้งแล้ว ต้องพิจารณาขาดหรือสั่งการโดยเร็ว

เมื่อคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง ชุดที่ 26 ได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะต้องส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อพิจารณาดำเนินการในชั้นที่สองตามกระบวนการที่กำหนดไว้

อย่างไรก็ตาม สำนักงาน กกต. ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน รวมถึงผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบก่อนเผยแพร่ข้อมูลหรือข่าวสารใด ๆ เพื่อป้องกันความสับสนและความเข้าใจผิดของประชาชน

เรียบเรียงโดย มุมข่าว

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ