สหรัฐคาดจัดเก็บภาษีนำเข้าแตะ 3 แสนล้านดอลลาร์ หลังนโยบายทรัมป์เริ่มส่งผล

สหรัฐคาดจัดเก็บภาษีนำเข้าแตะ 3 แสนล้านดอลลาร์ หลังนโยบายทรัมป์เริ่มส่งผล

วันที่ 9 ก.ค.2568 สำนักข่าวต่างประเทศ Foxnews รายงานว่า นายสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ แถลงในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบขาวว่า สหรัฐสามารถจัดเก็บภาษีนำเข้าได้แล้วกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ต้นปี 2568 และคาดว่าตัวเลขดังกล่าวอาจพุ่งแตะ 3 แสนล้านดอลลาร์ ภายในสิ้นปีนี้ หลังนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เริ่มส่งผลอย่างเป็นรูปธรรม นายเบสเซนต์ระบุว่า การจัดเก็บภาษีจากมาตรการภาษีใหม่ ซึ่งเริ่มใช้จริงในไตรมาสที่สอง โดยเฉพาะภาษีนำเข้าทั่วไปในอัตรา 10% และการขึ้นภาษีสินค้ากลุ่มเหล็กกล้า อะลูมิเนียม และรถยนต์ ส่งผลให้รายได้จากภาษีศุลกากรเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐรายงานยอดจัดเก็บภาษีศุลกากรเบื้องต้นเดือนพฤษภาคมทำสถิติสูงสุดที่ 22,800 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 6,200 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ยอดจัดเก็บสะสม 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 อยู่ที่ 86,100 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ช่วง 5 เดือนแรกของปีปฏิทินนี้ อยู่ที่ 63,400 ล้านดอลลาร์

นายเบสเซนต์เสริมว่า สำนักงานงบประมาณรัฐสภา (CBO) เคยประเมินรายได้ภาษีนำเข้าของสหรัฐในระยะ 10 ปีข้างหน้า ไว้ที่ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันมองว่าอาจเป็นตัวเลขที่ต่ำเกินไป หากอัตราการจัดเก็บยังคงเร่งตัวในระดับนี้

ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศเตรียมขึ้นภาษีนำเข้า ตอบโต้ ในอัตราที่สูงขึ้นกับคู่ค้าสำคัญเกือบทั้งหมดตั้งแต่ 1 สิงหาคมนี้ โดยยังเปิดโอกาสให้บางประเทศเจรจาเพื่อลดอัตราภาษีก่อนถึงเส้นตาย พร้อมย้ำว่า เงินจากภาษีจำนวนมากจะเริ่มไหลเข้าสู่ระบบตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเผยว่า เตรียมเรียกเก็บ ภาษี 50% สำหรับการนำเข้าทองแดง ซึ่งเป็นโลหะสำคัญในภาคอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานทุกประเภท พร้อมเดินหน้าขึ้นภาษีเพิ่มเติมสำหรับสินค้าเทคโนโลยีอย่างเซมิคอนดักเตอร์ และกลุ่มเภสัชภัณฑ์อีกด้วย

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐมีกำหนดรายงานผลการใช้งบประมาณประจำเดือนมิถุนายนในวันศุกร์นี้ โดยคาดว่าจะสะท้อนการเติบโตของรายได้จากภาษีนำเข้าอย่างมีนัยสำคัญต่อเนื่อง

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ