เกิดเหตุสะเทือนใจในพื้นที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อ เด็กชายวัย 2 ขวบ เสียชีวิตอย่างน่าสลด ภายในบ้านพักหลังหนึ่ง หลังถูกแฟนใหม่ของมารดา ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงวัย 24 ปี ผลักจนล้มหัวกระแทกพื้นอย่างแรง เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยตำรวจ สภ.บางบัวทอง ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลในพื้นที่ ว่ามีเด็กชายวัย 2 ขวบ เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำจากอาการศีรษะได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะลงพื้นที่ตรวจสอบ และเชิญตัวผู้ที่อยู่ในบ้านช่วงเกิดเหตุ มาสอบสวน สืบสวนพบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายธนวัฒน์ ตาราศาสตร์ หรือ เต้ อายุ 24 ปี แฟนใหม่ของมารดาเด็ก ซึ่งอยู่ร่วมในบ้านหลังดังกล่าวและรับหน้าที่ดูแลเด็กในช่วงที่แม่ออกไปทำงาน จากการสอบสวน นายธนวัฒน์ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ผลักเด็กจริง เนื่องจากเด็กชายส่งเสียงร้องไห้เสียงดังตลอดเวลา ทำให้รู้สึกรำคาญและบันดาลโทสะ ก่อนใช้มือผลักเด็กจนล้มศีรษะฟาดพื้นเสียงดัง ซึ่งตนรู้สึกตกใจและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายเด็กเสียชีวิต

เบื้องต้นผลชันสูตรของแพทย์ระบุว่า เด็กเสียชีวิตจากอาการสมองบวมและเลือดคั่งในกะโหลกศีรษะ นอกจากนี้ ยังพบบาดแผลฟกช้ำตามร่างกายหลายแห่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานว่าเกิดจากการทำร้ายร่างกายซ้ำหรือไม่ 

บ่ายวันนี้ (8 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ได้นำตัวนายธนวัฒน์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ณ บ้านพักที่เกิดเหตุ ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด ป้องกันเหตุชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์

ระหว่างที่ตำรวจควบคุมตัวไปทำแผน นายธนวัฒน์มีสีหน้าเคร่งเครียด น้ำตาคลอเบ้า ก่อนจะกล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่าผมพลั้งมือผลักเด็กจริง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจฆ่าน้องหรืออยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ ส่วนรอยช้ำตามตัว ผมไม่ทราบสาเหตุ และไม่ได้ทำครับ

ภายหลังการทำแผนเสร็จสิ้น ตำรวจได้คุมตัวนายธนวัฒน์กลับสถานีตำรวจ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นแจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และอยู่ระหว่างขยายผลตรวจสอบประวัติย้อนหลัง รวมถึงตรวจสอบบาดแผลฟกช้ำตามร่างกายเด็กอย่างละเอียดอีกครั้ง

ด้านชาวบ้านในละแวกเกิดเหตุ ต่างรู้สึกสะเทือนใจและวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างหนัก พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด

ขณะที่ แม่ของเด็กชายผู้เสียชีวิต อยู่ในอาการโศกเศร้าอย่างหนักและยังไม่สามารถให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ได้เต็มที่ ซึ่งทางทีมสหวิชาชีพและเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์จะเข้าพูดคุยให้กำลังใจและสอบปากคำอย่างเป็นทางการต่อไป

เหตุการณ์นี้นับเป็นอุทาหรณ์สะเทือนใจ ที่เกิดขึ้นซ้ำซากในสังคมไทย กับปัญหาการทำร้ายเด็กและความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งทุกฝ่ายต่างเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดกับการคัดกรองผู้ดูแลเด็ก และเพิ่มมาตรการป้องกันภัยเด็กอย่างจริงจัง