วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานศาลฎีกาได้มีการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดการเข้าฟังการไต่สวนในคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเฉพาะใน คดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังอยู่ระหว่างการไต่สวนที่ห้องพิจารณาคดีหมายเลข 14 ชั้น 14 ของศาลฎีกา สนามหลวง ทั้งนี้ ศาลได้ออกประกาศเพิ่มเติมว่า จากนี้ไปห้ามผู้เข้าฟังการไต่สวน จดบันทึกเนื้อหาคำเบิกความ หรือรายละเอียดใดๆ ในห้องพิจารณาคดี เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำข้อมูลภายในห้องไต่สวนเผยแพร่ออกไปในระหว่างกระบวนการพิจารณาคดี ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ยังไม่สิ้นสุด และต้องรักษาความเป็นธรรมให้ทุกฝ่ายอย่างรอบด้าน

สำหรับข้อกำหนดใหม่ดังกล่าว จะครอบคลุมถึงสื่อมวลชน ผู้ติดตามคดี และบุคคลทั่วไปที่ได้รับอนุญาตให้เข้าฟังการไต่สวน ซึ่งก่อนหน้านี้แม้จะมีการควบคุมอุปกรณ์สื่อสาร ห้ามบันทึกภาพและเสียงอยู่แล้ว แต่ยังอนุญาตให้ผู้เข้าฟังสามารถจดบันทึกข้อความได้ ซึ่งนับจากนี้จะไม่อนุญาตอีกต่อไป แหล่งข่าวจากฝ่ายกระบวนการยุติธรรมเปิดเผยว่า การกำหนดมาตรการดังกล่าวเพื่อป้องกันปัญหาการนำข้อมูลหรือถ้อยคำในการเบิกความภายในห้องพิจารณาคดี เผยแพร่ต่อสาธารณะหรือส่งต่อระหว่างพิจารณา ซึ่งอาจส่งผลต่อความเรียบร้อยของคดี และสิทธิของคู่ความในการต่อสู้คดีอย่างเป็นธรรม 

ทั้งนี้ คดีที่นายทักษิณ ชินวัตร ถูกดำเนินคดีในศาลฎีกาฯ ชั้น 14 อยู่ในกระบวนการไต่สวนพยานโจทก์ จำเลยอย่างต่อเนื่อง โดยยังไม่มีคำพิพากษา และถือเป็นคดีสำคัญที่สังคมจับตา โดยเฉพาะประเด็นข้อกฎหมาย และกระบวนการดำเนินคดีที่ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม

ก่อนหน้านี้ การเข้าฟังไต่สวนคดีนักการเมืองในศาลฎีกาฯ มีมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด รวมถึงการห้ามนำโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้าไปในห้องพิจารณาอยู่แล้ว การออกข้อกำหนดเพิ่มเติมครั้งนี้ จึงถือเป็นการปิดช่องว่างในกรณีจดบันทึกข้อความซึ่งอาจถูกเผยแพร่ผ่านบุคคลที่สาม

อย่างไรก็ตาม สำนักงานศาลฎีกายืนยันว่า มาตรการดังกล่าวยังคงเปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียสามารถเข้าฟังการพิจารณาคดีได้ตามสิทธิภายใต้รัฐธรรมนูญ เพียงแต่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและแนวทางที่ศาลกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม และไม่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยโดยรวม

สำหรับคดีของนายทักษิณ ชินวัตร ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการนัดไต่สวนพยานโจทก์ จำเลยต่อเนื่อง และศาลยังไม่มีกำหนดนัดฟังคำพิพากษาแต่อย่างใด