
สอบสวนโรคแอนแทรกซ์ สระแก้ว เจ้าของควายเผย กิน-ขายกว่า 30 คนในหมู่บ้าน
จากกรณีพบผู้ติดเชื้อแอนแทรกซ์รายแรกในพื้นที่ จ.สระแก้ว นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และ นพ.ธราพงษ์ กัปโก นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว สั่งการให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัด เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อบต.ท่าแยก และ รพ.สต.ในพื้นที่ เข้าสอบสวนโรคที่ห้องประชุม รพ.สต.บ้านคลองผักขม ม.8 ต.ท่าแยก อ.เมืองสระแก้ว โดยมีการนำตัวเจ้าของควายตัวที่แพร่เชื้อโรคแอนแทรกซ์มาสอบสวนด้วย
ขณะที่เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ จ.สระแก้ว ได้เข้าตรวจสอบคอกควาย โดยสั่งห้ามไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายควายและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ออกนอกพื้นที่โดยเด็ดขาด ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมออกคำสั่งกักกันสัตว์ไว้เบื้องต้นเป็นเวลา 1 เดือนก่อน แต่หลังจากนั้น ถ้าผลเพาะเชื้อไม่มีอะไร จะมีการนำวัคซีนและยามาฉีดยาให้กับสัตว์ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมด จึงขอความร่วมมือเจ้าของคอกควาย ให้หยุดกิจกรรมทั้งหมดไว้ก่อน
มีรายงานว่า ทางด่านกักสัตว์สระแก้ว จะเร่งเข้าเก็บตัวอย่างในพื้นที่พบการเกิดโรค และมีการตั้งด่านในพื้นที่ จ.สระแก้ว 3 จุด เพื่อห้ามไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายสัตว์ในช่วงนี้ รวมทั้งประสานเพื่อนำรถฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเข้ามาในพื้นที่ บ้านคลองผักขม ม.8 ต.ท่าแยก อ.เมืองสระแก้ว โดยจุดแรก ได้เข้าไปฉีดพ่นในพื้นที่บริเวณคอกควายตัวที่พบเชื้อ ส่วนฟางที่อยู่ในจุดที่มีการชำแหละเนื้อควาย ให้มีการนำไปเผาทิ้ง กระดูกทราบว่า มีการนำไปต้มเพื่อบริโภคแล้ว
หลังจากนั้นได้เคลื่อนรถฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไปในจุดที่ควายตาย บริเวณป่ายูคาลิปตัสซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณบ้านและคอกควายมากนัก โดยเจ้าหน้าที่เข้าฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อให้ครบทุกจุด
เจ้าของควาย กล่าวว่า คนป่วยบอกว่า ก่อนป่วยได้กินเนื้อควายจากของเรา ซึ่งตนได้ฆ่าควายตัวนี้เมื่อช่วงก่อนสงกรานต์ ประมาณวันที่ 9 เม.ย.ผ่านมาประมาณเดือนเศษ โดยเจ้าหน้าที่สอบสวนหาไทม์ไลน์ที่มาของควาย และช่วงเวลาที่มีการฆ่าและการนำไปขายในพื้นที่ใดบ้าง รวมทั้งให้ไปดูพื้นที่ที่เราชำแหละว่า ต้องให้ยาหรือฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อหรือไม่ เพราะอยู่ในพื้นที่เขตเฝ้าระวัง
ซึ่งควายตัวดังกล่าว ไม่มีอาการอะไร ปกติดี ซื้อมาจาก อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี สาเหตุที่ฆ่าเพราะมันดื้อลวด ออกจากลวดที่ล้อมและหนีจากฝูง จึงใช้ปืนยิงตายกลางป่ายูคาลิปตัส ก่อนนำมาชำแหละขายในพื้นที่
ควายตัวนี้หลังจากชำแหละแล้ว มีคนที่ซื้อไปกินและบริโภคไม่ถึง 50 ราย โดยเป็นคนในกลุ่มหมู่บ้านคลองผักขม และใกล้เคียง ประมาณ 20-30 คน แต่คนที่บริโภคหรือกินแต่ละบ้านที่ซื้อไป อาจจะมีมากกว่า 1 คนต่อบ้าน โดยตนเองยินดีทำตามและให้ความร่วมมือกับทางสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดทุกอย่าง
หลังจากนั้นทีมสอบสวนโรคลงพื้นที่อีกครั้งเพื่อสอบสวนโรคเพิ่มเติม โดยค้นหาผู้สัมผัส ในกิจกรรมและพื้นที่เสี่ยง ค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม โดยการทบทวนเวชระเบียนของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลคลองผักขม มีแผนจัดระบบเฝ้าระวังโรคต่อเนื่อง รวมถึงค้นหาผู้ป่วยหรือสัตว์ตายผิดปกติในพื้นที่ตำบลท่าแยก และทำลายเชื้อในสิ่งแวดล้อม และสุ่มเก็บตัวอย่างเนื้อ โดยปศุสัตว์จะดำเนินการส่งตรวจตามระบบ