
รุ่นพ่อยกที่ดินให้ทำถนน รุ่นลูกปิดทางเข้าออก อ้างมรดก ยื่นข้อเสนอ รพ.ต้องซื้อไร่ละ 1.5 ล้าน
วันที่ 22 พ.ค.2568 ที่บริเวณทางเข้าออกของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านมะเกลือ ต.บ้านมะเกลือ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ว่ากำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จากการที่เส้นทางหลักที่ใช้สัญจรเข้าออกโรงพยาบาล ถูกเจ้าของที่ดินขึงลวดหนามปิดกั้น พร้อมติดป้ายห้ามผ่าน เนื่องจากเป็นที่ส่วนบุคคล
โดยมีป้ายติดให้เปลี่ยนไปใช้ทางเข้าทางโรงเรียนวัดท่าเจริญพัฒนา ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร แทน โดยทางเส้นใหม่เป็นถนนดินแคบ ขรุขระ มีน้ำขัง และรถยนต์ไม่สามารถสัญจรได้ ต้องอาศัยเพียงรถจักรยานยนต์ในการเดินทางเท่านั้น
สำหรับเส้นทางดังกล่าวเคยเป็นถนนคอนกรีตที่เชื่อมต่อกับถนนสายหลักระหว่าง อ.เมืองกับ อ.เก้าเลี้ยว ซึ่งเปิดใช้มาตั้งแต่ปี 2540 โดยชาวบ้านและผู้ป่วยใช้เป็นเส้นทางเข้าออกหลักของโรงพยาบาลมาโดยตลอด กระทั่งเมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา
เจ้าของที่ดินซึ่งเป็นหญิงเจ้าของปั๊มน้ำมันในบริเวณใกล้เคียง ได้เข้าดำเนินการปิดกั้นพื้นที่และอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดิน โดยระบุว่าเป็นมรดกตกทอดจากบิดา และได้ยื่นข้อเสนอหากทางโรงพยาบาลต้องการใช้เส้นทางเดิม ต้องซื้อคืนในราคาไร่ละ 1,500,000 บาท
จากการสอบถาม นางวาสินันท์ หอมจันทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านมะเกลือ เปิดเผยว่า ผู้ป่วยที่มาใช้บริการแต่ละวันมีจำนวนหลายสิบถึงหลักร้อยคน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่ต้องมาตรวจสุขภาพและรับยาอย่างต่อเนื่อง การที่ต้องเปลี่ยนเส้นทางเข้าออกไปใช้ถนนดิน ทำให้ผู้ป่วยซึ่งใช้ไม้เท้า รถเข็น และอุปกรณ์ช่วยเดินต้องประสบความยากลำบากอย่างมาก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า
ทางองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านมะเกลือ ได้จัดรถกอล์ฟไว้ให้บริการรับส่งผู้ป่วยตามจุดที่เข้าถึงได้ พร้อมทั้งประสานงานให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ลงพื้นที่มาให้บริการประชาชน โดยจัดเวรยามประจำตามจุดต่าง ๆ เพื่อคอยแนะนำเส้นทาง และให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องใช้ไม้เท้า รถเข็น หรือเดินลำบาก
ทั้งนี้นายรณกร เผ่าวิจารณ์ นายอำเภอเมืองนครสวรรค์ สั่งการให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตบลบ้านมะเกลือ และ อบต.บ้านมะเกลือ ประสานขอความอนุเคราะห์เจ้าของที่ดินแล้วไม่สำเร็จ จึงสั่งการให้รวบรวมเอกสารหลักฐานรายงานจังหวัดนครสวรรค์ทราบต่อไป และให้เร่งฟ้องศาลเพื่อขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวก่อน
หากศาลสั่งเป็นประการใดจะปฏิบัติตาม จากนั้นจะฟ้องเร่ื่องภาวะจำยอมต่อไป เพื่อให้เส้นทางดังกล่าวเป็นทางสาธารณะอย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป หากยังไม่ได้รับการอนุญาตหรือความร่วมมือจากเจ้าของที่ดิน ก็อาจจำเป็นต้องดำเนินการทางกฎหมายเพื่อขอความเป็นธรรมแก่ประชาชนในพื้นที่
มีรายงานว่า ขณะนี้บรรดาผู้สูงอายุ และชาวบ้าน ผู้ป่วยต่างวอนขอให้เจ้าของที่ดินเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม และขอให้เปิดทางเข้าออกดังเดิม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้สูงวัยและคนไข้ที่ต้องเดินทางมารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง