ช่วงค่ำวานนี้(3 พ.ค.) พ.ต.อ.เชิดชัย ป้อชำนิ ผกก.สภ.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ได้นำตัวนายอรัญ อายุ 41 ปี ชาวบ้านใน ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ มาสอบปากคำหลังตกเป็นผู้ต้องหาจี้ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด และใช้ยานพาหนะ เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 2 พ.ค. 68 ที่ผ่านมาบริเวณถนนสายทุ่งหลวง - บ้านเขากูบ หมู่ 1 ต.อ่างหิน อ.ปากท่อ ได้ทรัพย์สินไปเป็นกระเป๋าสะพายแบบผ้าภายในกระเป๋ามีเงินสด 1,200 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และบัตรประชาชนของผู้เสียหาย

นางจำลอง อายุ 66 ปี ผู้เสียหายซึ่งเดินทางมาชี้ตัว และให้การว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 2 พ.ค. ตนขี่รถพ่วงข้างจะไปตัดผม ซึ่งขณะที่ขี่รถไปก็เห็นว่ามีรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นผู้ชาย สวมหมวกกันน็อคขี่ตามมา บางครั้งก็ตามห่างในช่วงที่มีคน แต่ช่วงที่ไม่มีคนก็จะขี่มาใกล้ แต่ก็คิดในใจว่าทำไมไม่แซงไป

จนมาถึงทางแยกคนร้ายก็ขี่มาปาดหน้าแล้วจับแฮนด์รถไว้และบอกว่าอย่าหนี ถ้าหนีจะแทงเพราะคนร้ายถือมีดด้วย และ บอกว่าให้ส่งกระเป๋ามา ตอนแรกคนร้ายจะตัดสายกระเป๋าด้วยความกลัวจึงยกกระเป๋าให้ไป และขอโทรศัพท์คือแต่คนร้ายบอกว่าไม่ให้

ตอนนั้นตกใจมากเพราะเห็นมีดยาว พอคนร้ายได้กระเป๋าก็ขี่รถกลับไปทางเก่า โชคดีที่คนร้ายไม่ได้ทำร้าย แต่คนร้ายก็พูดเพราะใช้คำว่าป้าครับไม่ได้พูดคำหยาบอะไร ตนอยากจะขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับคนร้ายได้เร็วจะได้ไม่ไปก่อเหตุที่อื่นอีก ตนเองนั้นมีโรคประจำตัวหลายโรค หลังถูกก่อเหตุก็รีบกลับไปบอกกับสามี และรีบกินยาความดันเพราะความกลัวทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน

ขณะที่นายอรัญ ผู้ต้องหา ที่ถูกนำตัวมาสอบสวน ให้การว่าที่ต้องก่อเหตุเพราะต้องการเงินไปซื้อชุดนักเรียนให้ลูกเพราะใกล้จะเปิดเทอมแล้ว แต่เงินที่มีนั้นไม่พอก็เคยไปขอยืมคนอื่นแล้ว แต่เขาก็ไม่มีก็เลยตัดสินใจมาก่อเหตุ