วันที่ 30 เมษายน มีรายงานรับแจ้งร้องเรียนจาก นางสาวปัทมภรณ์ อายุ 43 ปี เจ้าของร้านเสริมสวย “ปาล์มแอนด์ปอน” ซึ่งตั้งอยู่ในซอย 3 ถนนผดุงดอนยอ ต.คูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง หลังระบุว่าเธอถูกหญิงสาวรายหนึ่ง ซึ่งอ้างว่า เป็นภรรยาของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เชิดเงินค่าบริการทำผมและทำเล็บไปโดยไม่ชำระเงิน พร้อมระบุว่าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง ปฏิเสธไม่รับแจ้งความโดยอ้างว่า ตำรวจทำอะไรไม่ได้

นางสาวปัทมภรณ์ เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา หญิงสาววัยประมาณ 29 ปี เดินเข้ามาในร้านพร้อมนำผม 2 ช่อ มาให้ต่อ และแจ้งทำเล็บด้วย โดยตกลงราคาค่าบริการที่ 1,500 บาท ซึ่งทางร้านมีทีมช่างรวม 3 คนช่วยกันให้บริการจนถึงเกือบเที่ยงคืน แต่เมื่อเสร็จงาน หญิงสาวคนดังกล่าวกลับอ้างว่า เงินหายและยืนยันว่าเงินหายในร้าน

ทางร้านได้เปิดกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบแต่ไม่พบว่าเงินหล่นหรือมีใครเก็บไป หญิงสาวจึงเปลี่ยนคำพูดว่าจะกลับมาชำระเงินในวันรุ่งขึ้น ทางร้านจึงพาไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองพัทลุง เพื่อยืนยันข้อตกลง

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงกำหนดนัด ลูกค้าสาวกลับไม่มาตามสัญญา นางสาวปัทมภรณ์จึงเดินทางไปที่ สภ.เมืองพัทลุงอีกครั้งในวันที่ 25 เมษายน เพื่อจะแจ้งความ แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิเสธ โดยอ้างว่ารู้จักผู้หญิงรายดังกล่าว และให้เวลาในการเจรจาไกล่เกลี่ยเพิ่มเติม โดยนัดให้ชำระเงินในวันที่ 27 เมษายน แต่สุดท้ายลูกค้าสาวก็ยังไม่มาชำระเงิน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าของร้านพยายามจะแจ้งความอีกครั้ง แต่ร้อยเวรกลับระบุว่า คดีนี้เป็นคดีแพ่ง ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ พร้อมเตือนเจ้าของร้านว่า หากไปถอดผมคืนจากลูกค้า อาจเข้าข่ายมีความผิดเสียเอง

นางสาวปัทมภรณ์ กล่าวอีกว่า แม้จะเป็นเงินแค่ 1,500 บาท แต่เป็นหยาดเหงื่อของพวกเราทั้งร้านที่ทำกันจนถึงดึก ตนยืนยันจะเอาผิดให้ถึงที่สุด และขอฝากถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูงของตำรวจ ให้ช่วยตรวจสอบและดูแลพฤติกรรมของลูกน้องด้วย พร้อมเตือนผู้ประกอบการร้านเสริมสวยให้ระมัดระวังลูกค้าในลักษณะนี้