
ด่วน! คดีแตงโม กมธ.กฎหมายฯ ยืนยันแล้ว
เมื่อวันที่ 8 มกราคม เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร มี นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ในฐานะประธาน กมธ. เป็นประธานการประชุม มีวาระพิจารณาศึกษาแนวทางการดําเนินการทางกฎหมายตามกระบวนการยุติธรรม คดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม กรณีหากปรากฏพยานหลักฐานใหม่ หลัง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กมธ. โดยเชิญบุคคลและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล
นายอัจฉริยะได้พูดถึงข้อร้องเรียนในช่วงแรกของการประชุมว่า ได้ถูกอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเรียกขึ้นไปพบ เมื่อปี 2565 ร่วมกับตำรวจชุดทำคดีแตงโม เพื่อขอไม่ให้ตนทำคดีแตงโม เนื่องจากต้องการให้ตนช่วยคนบนเรือคนหนึ่ง แต่ตนไม่ให้ตามคำขอ เพราะมองว่าเป็นการทำลายกระบวนการ ประกอบกับแตงโมเป็นดาราชื่อดัง ไม่ใช่จะมาลงข้อหาแค่ประมาท และตามความเชี่ยวชาญของตนเห็นว่าคนที่ตกท้ายเรือ ไม่มีทางโดนใบพัดเรือได้ ซึ่งได้เรียนอดีต ผบ.ตร.ไปถึงข้อสังเกตดังกล่าว แต่อดีต ผบ.ตร.ก็ยังยืนยันที่จะขอ เนื่องจากคนตายไปแล้ว แต่ตนไม่ยอม จากนั้นจึงถูกยัดข้อหามาโดยตลอด รวม 6 คดี แต่ได้ใช้พยานหลักฐานที่ได้พูดคุย จนศาลอาญายกฟ้อง
นายอัจฉริยะยังยืนยันว่า การเก็บพยานหลักฐานในคดีแตงโมมีข้อพิรุธหลายอย่าง ทั้งเรื่องการเก็บเส้นผม จากนั้นนายอัจฉริยะได้เปิดภาพเส้นผม บาดแผล แสดงต่อ กมธ.เพื่อตอกย้ำว่าแผลไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ น่าจะเกิดจากของมีคม และทันทีที่นายอัจฉริยะเปิดผลทางนิติเวช เพื่อบอกว่าศพของแตงโมไม่มีบาดแผลอื่นนอกจากแผลที่ขาขวา
ทำให้ นายอุดมวิทย์ อริยสุนทร รองอธิบดีอัยการภาค 1 ยกมือทักท้วงว่า ประธานในที่ประชุมแจ้งแล้วว่า เรื่องนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล แต่หลักฐานที่กำลังเปิดอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล
แต่นายอัจฉริยะยังอธิบายต่อว่า ข้อพิรุธในคดีนี้ยังมีการแก้ไข GPS ของคนบนเรือ ที่ตำรวจแสดงหลักฐานเท็จในงานแถลงข่าว 26 เมษายน 2565 และยังมีการทำหลักฐานเท็จอีกหลายชิ้น ทำให้ประธานในที่ประชุมสรุปว่าการหยิบยกเรื่องแตงโมมาหารือในวันนี้เพราะต้องการรู้ว่ามีพยานหลักฐานใหม่ ที่จะนำไปสู่การรื้อคดีได้หรือไม่ และหากนำไปสู่การรื้อคดีได้ จะต้องเดินหน้าไปฟ้องหรือส่งเรื่องดังกล่าวให้หน่วยงานใด
ทำให้ นายประยุทธ์ ศิริพานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ.โต้แย้งว่า การที่นายอัจฉริยะกล่าวหาบุคคลอื่นว่าผิดแล้วทุจริต ไม่สามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ในการพิจารณาเรื่องนี้ได้ มันไม่ใช่ประเด็นที่ กมธ.อยากรู้ สิ่งที่ต้องการคือมีพยานหลักฐานใหม่อย่างไร นอกเหนือจากสิ่งที่เขากำลังดำเนินการอยู่ แต่ถ้านายอัจฉริยะออกมากล่าวหาเช่นนี้ การประชุมต่อไปก็จะเกิดปัญหา คนในที่ประชุมก็จะไม่ได้อะไร ทำงานต่อไปไม่ได้
นายกมลศักดิ์จึงย้ำกับนายอัจฉริยะให้พูดข้อเท็จจริง ซึ่งนายอัจฉริยะก็ได้ย้ำอีกครั้งว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริง และมีการพิสูจน์ความจริงในชั้นศาลอาญาไปแล้ว และตนมองว่าคำร้องของอัยการในคดีแตงโม มีแต่พฤติการณ์และความประมาทของคนบนเรือ แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องของบาดแผลที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากใบพัดเรือ ทำไมตำรวจไม่ทำเรื่องนี้ให้ครบถ้วน เมื่อขอให้มีการตรวจเรือใหม่ก็ไม่ยินยอม หากโปร่งใสจริงต้องยินยอม และตนสงสัยว่าเหตุใดถึงตั้งข้อหาคนบนเรือว่าร่วมกันประมาท เพราะมันไม่เคยมีในกฎหมายอาญา
ด้าน นายสุทัศน์ เงินหมื่น ที่ปรึกษา กมธ.ตั้งข้อสังเกตถึงอำนาจหน้าที่ของ กมธ.ว่า ไม่ควรพิจารณาเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดี มิฉะนั้นอาจจะถูกตรวจสอบหรือร้องเรียนได้ในภายหลัง ดังนั้น วันนี้ กมธ.ของเรา ควรจะฟังความคิดเห็นของผู้ร้อง ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ถูกร้องมาชี้แจง เพราะอาจจะนำไปสู่ประเด็นการฟ้องร้องในภายหลัง และไม่ควรที่จะวินิจฉัยเรื่องนี้ว่าใครผิดใครถูก
นายกมลศักดิ์ ประธานในที่ประชุม จึงกล่าวย้ำกับนายอัจฉริยะว่า ขอให้พูดแต่ข้อเท็จจริง และไม่ควรทำให้เสียรูปคดี ส่วนผู้ชี้แจงหากเห็นว่ามีผลต่อรูปคดีก็ไม่ต้องชี้แจง
ทำให้นายอัจฉริยะแสดงความไม่พอใจ พร้อมกับกล่าวว่า ตนโดนฟ้อง 5 คดี ยังไม่ได้พิพากษา การที่ตำรวจรับฟังฝ่ายเดียวโดยไม่ชี้แจงเหตุผล ตนว่าไม่แฟร์ ถ้าเป็นเช่นนั้นจะขอ Walk Out ออกจากห้องประชุม ทำให้ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนริทร์ แพทย์ผู้ส่งคุณวุฒิด้านนิติเวชศาสตร์ และประธานในที่ประชุมได้ห้ามไว้ ขอให้เราฟังข้อมูลจากฝ่ายผู้มาชี้แจงก่อน
นายอุดมวิทย์ได้ชี้แจงว่า คดีนี้พวกตนไม่เกี่ยวข้อง และวันที่ 29 มกราคมนี้ จะมีการสอบพยานปากสุดท้าย และพิจารณาตัดสินคดีนี้แล้ว แต่สิ่งที่อยากจะพูดกับนายอัจฉริยะคือ ในคดีหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน ขออย่าเพิ่งหลุดประเด็น แม้ศาลชั้นต้นจะยกฟ้องแล้ว แต่ถ้าเกิดการอุทธรณ์ แล้วศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา อย่าลืมคดีนี้ มันสามารถสู้ถึงศาลฎีกาได้
มีรายงานว่า หลังเปิดให้สื่อมวลชนสังเกตการณ์และฟังการประชุมระยะหนึ่งได้เชิญสื่อมวลชนออก และประชุมต่อไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่นายกมลศักดิ์จะแถลงว่า เนื่องจากคดีของดาราสาวแตงโมอยู่ในการพิจารณาของศาล กมธ.ไม่มีอำนาจไปก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรม การสืบพยาน กมธ.จึงพยายามสอบถามว่าพยานหลักฐานใหม่ที่อ้างว่าไม่ปรากฏอยู่ในสำนวนคดีคืออะไร ซึ่งนายอัจฉริยะได้หยิบยกสำนวนคดีที่ถูกฟ้องฐานหมิ่นประมาทมาอ้างอิง ขณะที่ พ.อ.นพ.ธวัชชัยได้แสดงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อชี้ให้เห็นถึงพิรุธว่าบาดแผลที่เกิดขึ้นไม่น่าจะมาจากใบพัดเรือ
นายมลศักดิ์กล่าวว่า หลักฐานที่นำมาเปิดเผยต่อที่ประชุมส่วนใหญ่เป็นหลักฐานที่เคยเปิดเผยที่อื่นมาแล้ว และเป็นข่าวไปแล้ว ไม่มีพยานหลักฐานใหม่ที่มาเปิดที่นี่เป็นครั้งแรก นายอัจฉริยะจึงได้ทำหนังสือถึงอัยการจังหวัดนนทบุรี อัยการภาคหนึ่ง และอัยการสูงสุด เพื่อขอแก้ไขคำฟ้องก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำวินิจฉัย โดยรองอัยการภาคหนึ่งได้แจ้งต่อที่ประชุม กมธ.ว่า หนังสือดังกล่าวอยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐาน ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของอัยการ หากเห็นว่าหลักฐานที่ส่งมาไม่ปรากฏอยู่ในสำนวน สมควรที่จะแก้ไขคำร้อง ก็สามารถแก้ไขคำฟ้องได้ ขณะเดียวกัน นายอัจฉริยะยังได้ส่งหนังสือไปถึงกระทรวงยุติธรรม ซึ่งทราบว่าในวันที่ 16 ม.ค.นี้ จะมีการจำลองเหตุการณ์ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย
ยืนยันว่า กมธ.จะไม่ไปก้าวล่วง สำนวนคดีการประมาท ที่ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี แต่หลังจากนี้จะติดตามว่าพยานหลักฐานใหม่จะดำเนินการอย่างไร นายกมลศักดิ์กล่าว