สั่งปลด รองนายกเทศมนตรี ยักยอกเงินออมทรัพย์ 10 ล้าน

สั่งปลด รองนายกเทศมนตรี ยักยอกเงินออมทรัพย์ 10 ล้าน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 มกราคม ที่ สภ.มะขาม อ.มะขาม จ.จันทบุรี ชาวบ้านกว่า 100 คน นำโดย นายบุญลือ อดีตผู้ใหญ่บ้านและประธานกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต หมู่ 4 พร้อมด้วยเหรัญญิก กรรมการกลุ่ม และทนายความ นำเอกสารเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.รักชาติ นวลเจริญ รองสารวัตรสอบสวน สภ.มะขาม

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากการถูก อดีตรองนายกเทศมนตรีมะขามเมืองใหม่ และยังดำรงตำแหน่ง อดีตเหรัญญิกของกลุ่มออมทรัพย์ ยักยอกเงินไปใช้จ่ายกว่า 10.3 ล้านบาท และพยายามทำลายหลักฐาน โดยการนำเอกสารและคอมพิวเตอร์ใส่รถแล้วจุดไฟเผา ส่งผลกระทบต่อสมาชิกกลุ่ม ซึ่งเป็นชาวบ้านผู้มีรายได้น้อยกว่า 300 คน ไม่ได้รับเงินคืน

นายบุญลือเปิดเผยว่า กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต หมู่ 4 เป็นสถาบันการเงินแห่งแรกของ อ.อมะขาม มีสมาชิกทั้งสิ้น 380 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 4 ต.มะขาม และมีสมาชิกจากหมู่ 2 และหมู่ 5 บางส่วน โดยมียอดเงินออมประมาณ 13 ล้านบาท

เหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2567 เมื่อมีการประชุมเพื่อปันผลหุ้นคืนให้สมาชิก แต่เหรัญญิกไม่สามารถนำเงินมาคืนได้ จากการตรวจสอบพบว่าเงินในบัญชีหายไป 10,380,000 บาท เหลือเงินในบัญชีเพียง 27,000 บาท และอีกบัญชี 69,000 บาท

ขณะที่ นายมานพ อดีตรองนายกเทศมนตรีมะขามเมืองใหม่และอดีตเหรัญญิก ผู้ถูกกล่าวหา เดินทางเข้าให้ปากคำกับตำรวจ ยอมรับว่าได้ยักยอกเงินกลุ่มไปจริง และได้นำเงินจำนวน 620,000 บาทมาคืน เพื่อนำไปปันผลให้กับสมาชิกเบื้องต้น นายมานพ ภาพจากเทศบาลตำบลมะขามเมืองใหม่ จ.จันทบุรี

นางจันทร์ อายุ 75 ปี หนึ่งในสมาชิกที่ได้รับความเดือดร้อน เปิดเผยว่า ปัจจุบันประกอบอาชีพค้าขาย เพื่อหารายได้เลี้ยงดูลูกสาวที่เป็นอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดสมองแตก โดยมียอดเงินออมมาตลอดกว่า 10 ปี ประมาณ 30,000 บาท ซึ่งเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่หวังจะเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน

ด้านนายดิลก บัวเกิด นายกเทศมนตรีมะขามเมืองใหม่ เปิดเผยว่า ทราบเรื่องตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2567 และจากการตรวจสอบพบว่ามีมูลความจริง จึงได้ออกหนังสือคำสั่งให้นายมานพยุติการปฏิบัติหน้าที่ ออกจากตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีมะขามเมืองใหม่ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางเทศบาลแต่อย่างใด

ในส่วนตำรวจเจ้าของคดีระบุว่า ผลจากการตรวจสอบเอกสารและการให้ปากคำตัวแทนกลุ่มชาวบ้านพบมีเข้าข่ายข้อหา ยักยอก ส่วนการพยายามทำลายหลักฐานโดยการเผาเอกสารและการสร้างหลักฐานเท็จ โดยใช้กล่องลอตเตอรี่และถุงใส่เหรียญอาจเข้าข่ายความผิดอาญา ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ