ราชกิจจาฯ ปลดล็อค ภูเก็ต อนุญาตสร้างตึก-บ้านเดี่ยวบนภูเขาได้แล้ว

ราชกิจจาฯ ปลดล็อค ภูเก็ต อนุญาตสร้างตึก-บ้านเดี่ยวบนภูเขาได้แล้ว

วันที่ 14 ธันวาคม มีรายงานว่า เว็บไซด์ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการประกาศเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต (ฉบับใหม่) เพื่อทดแทนฉบับเดิม ที่สิ้นสุดระยะเวลาการใช้บังคับ

โดยออกเป็น “ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ.2567” ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม 141 ตอนพิเศษ 342 ง ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2567 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป เป็นระยะเวลา 5 ปี

สำหรับ สาระสำคัญของประกาศ ได้แก่ แก้ไขบริเวณเขตพื้นที่ที่ให้ใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม จากเดิม 9 บริเวณ เป็น 8 บริเวณ กำหนดมาตรการเพื่อการอนุรักษ์พื้นที่ ป้องกันและลดผลกระทบจากการพัฒนาเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารและการก่อสร้างโรงงาน เช่น โรงงานต้องจัดให้มีเครื่องจักรหรืออุปกรณ์

เพื่อควบคุมมลพิษหรือแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม มาตรการพื้นที่น้ำซึมผ่านได้ การปลูกต้นไม้หรือจัดให้เป็น พื้นที่สีเขียว เป็นต้น

ทั้งนี้ ได้ตัดมาตรการที่ซ้ำซ้อนกับกฎหมายหลักที่บังคับใช้อยู่ในพื้นที่ ผ่อนปรนเรื่องความสูง ของการก่อสร้างอาคารในบางบริเวณให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายควบคุมอาคารหรือกฎหมายผังเมือง เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต

ผ่อนปรนมาตรการในพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เกินกว่า 80-140 เมตร และพื้นที่ลาดเชิงเขา สามารถก่อสร้างบ้านเดี่ยวหรืออาคารเดี่ยวได้ภายใต้เงื่อนไข ที่กำหนดและเป็นไปตามมาตรฐานของกรมโยธาธิการและผังเมือง

กำหนดมาตรการห้ามกระทำหรือประกอบกิจกรรมใดๆ ที่อาจเป็นอันตรายหรือส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศโดยรวม เพิ่มขนาดจำนวนห้องพักของโรงแรม อาคารอยู่อาศัยรวม อาคารชุดที่เข้าข่ายต้องดำเนินการตามข้อกำหนดท้ายประกาศ จากเดิม 10-29 ห้อง เป็น 11-49 ห้อง และที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น จากเดิม 30-79 ห้อง เป็น 50-79 ห้องเพื่อผ่อนปรนให้กับผู้ประกอบการรายย่อย รวมทั้ง พัฒนากลไกการกำกับดูแลและติดตามผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมโดยให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ตเป็นหน่วยงานประสานงาน ในการบูรณาการความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ แทนการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมที่รัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้น

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ