ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ, พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ, พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์, พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี, พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ รอง ผกก.1 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.อภิชน ขันกา รอง ผกก.1 บก.ป. รรท.สว.กก.1 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.12 กก.1 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.ปากน้ำปราณ จ.ประจวบคีรีขันธ์

ได้ร่วมกันจับกุม นายปริญญา อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดหัวหิน ที่ 144/2567 ลง 7 ต.ค.67 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส และร่วมกันลักทรัพย์ โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณตลาดในพื้นที่ ถ.เลียบทางรถไฟ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ

เนื่องจากผู้ต้องหาร่วมกับเพื่อนได้ตามคู่อริเพื่อไปล้างแค้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพราะคู่อริได้ฉุดสาวของกลุ่มผู้ต้องหาไป เมื่อไปถึง กลุ่มผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่กลุ่มคู่อริ จากนั้น กลุ่มผู้ต้องหาได้จับตัวผู้เสียหายจำนวน 1 ราย มัดแล้วนำขึ้นรถกระบะมาที่กรุงเทพฯ จากนั้นได้ปล่อยตัวบริเวณ สน.ราษบูรณะ โดยผู้ต้องหาได้นำเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไปด้วย เช่น สร้อยทอง พร้อมพระเครื่องของผู้เสียหายหลายรายการ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุมีประมาณ 5-6 ราย ซึ่งผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่า 20 วัน เนื่องจากถูกอาวุธปืน ไม้ มีด ของกลุ่มผู้ต้องหาทำร้าย

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา เจ้าหน้าตำรวจได้เฝ้าติดตามมาโดยตลอด จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.30 น. พบชายต้องสงสัยมีลักษณะคล้ายผู้ต้องหาเดินอยู่ในบริเวณตลาดในพื้นที่ ถ.เลียบทางรถไฟ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแสดงตัวพร้อมแสดงหมายจับและขอตรวจสอบบัตรประชาชน จนกระทั่งพบว่า เป็นนายปริญญา ซึ่งเป็นคนเดียวกับผู้ต้องหาที่หลบหนีหมายจับฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวผู้ต้องหา นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาขอให้การกับพนักงานสอบสวน โดยมีรายงานว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวนี้ เป็นอดีตนักมวยไทยค่าตัวหลักหมื่น