ผวาอาถรรพ์ หนุ่มขับแบคโฮ รื้อเมรุเก่า ไม่ทำตามพิธี โดนปล่องเมรุล้มทับดับ

ผวาอาถรรพ์ หนุ่มขับแบคโฮ รื้อเมรุเก่า ไม่ทำตามพิธี โดนปล่องเมรุล้มทับดับ

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ร.ต.อ. สุวัฒน์ บุราญ รองสารวัตรสอบสวน ร้อยเวรประจำวัน สภ.สว่าง ได้รับแจ้งมีเหตุ เมรุพังทับคนเสียชีวิต ภายในวัดสิริมงคล บ้านสว่าง ม.12 ต.สว่าง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด จึงประสานหน่วยกู้ภัย และรถกู้ชีพ รพ.โพนทอง เข้าไปตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตคือ นายสุพจน์ ฤทธิ์ไธสงค์ อายุ 59 ปี เป็นคนขับรถแบคโฮ ซึ่งเป็นชาวบ้านสว่าง อยู่หมู่ที่ 12 รับจ้างขับรถแบคโฮที่มีนายรณชัย หมั่นอินกูฎ เป็นเจ้าของ

โดยที่เกิดเหตุ พบว่า ปล่องควันและยอดโดมเมรุหลังเก่า พังลงมาทับรถแบคโฮ ที่นายสุพจน์ คนขับถูกทับจนเสียชีวิตคาที่นั่งคนขับ ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ พยายามงัดร่างออกมา แต่เอาออกมาไม่ได้ จึงประสานทีมกู้ภัยนำเครื่องตัดถ่างมาช่วย ใช้เวลากว่าชั่วโมง จนมืดค่ำจึงสามารถนำร่างออกมาได้ ก่อนจะนำกลับไปตั้งศพบำพ็ญกุศลที่บ้านของผู้ตายได้

พระปลัดอำพล มัททโร หรือหลวงพี่ต้น ซึ่งเห็นเหตุการณ์ และถ่ายคลิปตอนพังไว้ได้ เล่าว่า การรื้อถอนเมรุเก่าดังกล่าว สืบเนื่องจากทางหมู่บ้านมีมติร่วมกับพระสงฆ์ ให้มีการว่าจ้างช่างมาก่อสร้างเมรุหลังใหม่ เมื่อเดือนมกราคม 2566 เป็นเมรุแบบเตาเผาไร้มลพิษ ราคากว่า 4 ล้านบาท และเสร็จสิ้นเมื่อเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา

หลังจากสร้างเมรุหลังใหม่เสร็จก็มีมติว่า จะต้องรื้อเมรุหลังเก่าทิ้ง เพราะการที่วัดเดียวจะมีเมรุ 2 แห่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จึงมีการทำพิธีบวงสรวง ก่อนที่จะทำการรื้อด้วยการว่าจ้างรถแบคโฮ มาทำพิธีเอาฤกษ์ในวันที่ 14 ก.พ.67 ก่อนที่จะลงมือรื้อในวันรุ่งขึ้น (15 ก.พ.67) แต่คนขับกลับใจร้อน ลงมือรื้อเมรุก่อนวันจริง จนเกิดเรื่องขึ้น

ขณะที่นายรณชัย เจ้าของรถแบคโฮ กล่าวว่า กำหนดการณ์เป็นแค่พิธีกรรมขอขมาลาโทษดวงวิญญาณต่างๆ บวงสรวงก่อนรื้อเมรุเก่า พร้อมกับนำแบคโฮมา ให้ทำแค่สะกิดเสาพอเป็นพิธีตามความเชื่อ แต่คนขับรถกลับใจร้อนและทำเกินหน้าที่ รื้อเมรุก่อนเวลาที่กำหนด ด้วยการเจาะเสา ทำให้ท่อปล่องควันไฟและยอดโดมพังลงมา ล้มทับจนเสียชีวิตคารถดังกล่าว

ส่วนนางพวงรักษ์ ชูศรีโฉม อายุ 59 ปี ญาติผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เหตุร้ายที่เกิดขึ้นวันนี้ เกิดจากความดื้อรั้น ของนายสุพจน์ ที่ไม่ฟังใคร เพราะมีการบอกแต่แรกแล้วว่า วันนี้แค่ทำพิธีเอารถมาร่วมพิธีสะกิดเสาเมรุที่จะรื้อ แล้วให้หยุดไว้ เพราะมีความเชื่อว่า จะต้องไม่ลงมือในช่วงโพล้เพล้หรือใกล้ค่ำ ซึ่งชาวบ้านได้เตือนตามความเชื่อ การรื้อเมรุห้ามรื้อในช่วงเวลาบ่าย ที่ถือว่าเป็นเวลาที่เรียกว่าเวลา ผีตกป่า แต่กลับไม่เชื่อ มีการเข้าไปพังและรื้อ จนกลายเป็นเรื่องร้าย

ด้านนางสาวยุพิน ดอกบัว อายุ 34 ปี เชื่อว่า น่าจะเป็นอาถรรพ์ เพราะเมื่อคืน ตนก็ฝันว่าไปที่วัดและมีคนเยอะมาก เหมือนกับมีงานอะไรสักอย่าง ตื่นมาก็เล่าให้ญาติฟัง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นลางร้าย สำหรับการจัดงานศพพ่อ ก็กำหนดว่าจะตั้งบำเพ็ญกุศล 2 คืน และจะทำการฌาปนกิจในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ