200 ชีวิต ระทึก แพท่องเที่ยวถูกจอกแหนล้อม

200 ชีวิต ระทึก แพท่องเที่ยวถูกจอกแหนล้อม

จากกรณีที่เกิดเหตุแพท่องเที่ยว ที่นำนักท่องเที่ยวชมความงามทะเลสาบเหนือเขื่อนกิ่วลม จำนวน 4 ลำ ถูก จอกแหนปิดล้อมแพ ทำให้แพแทบขยับไม่ได้ ทำนักท่องเที่ยวกว่า 200 คน ติดอยู่บนแพนานหลายชั่วโมง ตั้งแต่เช้าของวานนี้ (11 ก.พ. 67) จนถึงช่วงเกือบ 15.00 น. ทั้งที่อยู่ห่างจากฝั่งแค่ไม่ถึง 900 เมตร ชาวบ้านต้องพยายามแหวกจอกแหน ก่อนนำเรือเล็กลากแพออกมา ทำนักท่องเที่ยวต่างลุ้นระทึก

นายปองพล ไชยยะ ประธานชมรมผู้ประกอบการล่องแพหมู่บ้านสำเภาทอง ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง เปิดเผยว่า ทะเลสาบในพื้นที่เหนือเขื่อนกิ่วลม ได้รับผลกระทบจากการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของวัชพืชทางน้ำ หรือจอกแหน ตั้งแต่ ธ.ค. ปีที่ผ่านมายาวข้ามปีต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งจอกแหนที่แพร่กระเต็มผืนน้ำได้ขยายวงกว้างสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ยาวไปเกือบถึงแนวสันเขื่อน

คาดว่ากินพื้นที่นับ 1,000 ไร่ ทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการแพ และเรือหางยาวของชาวบ้านที่ออกหาปลาอย่างหนัก เพราะรากของจอกแหนไปติดใต้ท้องแพและไปติดใบพัดของเครื่องยนต์บางทีต้องใช้เวลาเคลียร์จอกแหนออกนานนับชั่วโมงจึงขอวิงวอนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยแก้ปัญหาและกำจัดวัชพืชจอกแหนออกจากผิวน้ำเหนือทะเลสาบเหนือเขื่อนกิ่วลมด้วย

ความคืบหน้าล่าสุด 12 ก.พ. 67 นายพีรยุทธ เหมาะพิชัย ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา จ.ลำปาง กล่าวว่า กรณีดังกล่าวนั้นเป็นเหตุสุดวิสัยเนื่องจากสภาพอากาศคืนที่นักท่องเที่ยวล่องแพใช้บริการ เกิดฝนตกและลมแรงจึงทำให้จอกแหน และวัชพืชผิวน้ำไหลออกจากแนวเข้ามาล้อมแพจนแน่น ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้นักท่องเที่ยวร่วม 200 คนติดอยู่บนแพนานกว่า 7 ชั่วโมง โดยจุดที่แพติดอยู่ในช่วงกลางห่างจากจุดจอดท่าแพสำเภาทองประมาณ 900 เมตร

ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้ใช้เครื่องจักรกลดำเนินการตักจอแหนออกไปกว่า 300 ไร่แล้วยังเหลืออีกกว่า 1,000 ไร่ที่จะต้องเร่งดำเนินการตามแผนในปีนี้ ส่วนการแก้ปัญหาเบื้องต้นจะมีการเร่งเข้าทำแนวใหม่กั้นจอกแหนให้อยู่ในวงจำกัด เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเดินเรือ, การล่องแพ และเรือหางยาวเรือเล็ก โดยจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาวต่อไป

ส่วนกรณีที่มีผู้ประกอบการระบุว่า เรือตักกำจัดจอกแหน และวัชพืชจอดหยุดนิ่งนานนับเดือน เพราะหน่วยงานขาดแคลนนั้น ขอยืนยันว่าไม่จริง แต่ปัญหาเกิดเรือสายพานกำจัดวัชพืชจอกแหนของผู้รับเหมางานเกิดเสียไป 1 ลำ เหลือใช้งานแค่ลำเดียวเท่านั้น จึงยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ในช่วงนี้ ประกอบกับคนขับเรือไปดำเนินงานเรื่องเร่งด่วนในด้านอื่นอยู่จึงหยุดชั่วคราว ส่วนเรื่องเรือที่จอดเสียอยู่ทางผู้รับเหมางานจะรีบซ่อมแซมเพื่อให้มีเรือสายพานตักกำจัดครบ 2 ลำ ส่วนเรื่องเรือกำจัดขยะลำใหญ่ มูลค่า 70 ล้านบาท ของกรมชลประทานที่เข้ามาประจำในพื้นที่ โดยจอดอยู่ที่เขื่อนนั้นเป็นเรือต้นแบบที่นำเข้ามาทดลองดำเนินการตักกำจัดวัชพืช ตอนนี้ยังไม่ได้มีการส่งมอบเรือให้ทางโครงการฯ จึงจอดหยุดอยู่ใกล้ท่าเทียบเรือ และแพสำเภาทองก่อน และมั่นใจว่าจะสามารถกำจัดจอกแหนได้ตามแผนที่วางไว้ให้หมดภายในปีนี้อย่างแน่นอน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ