อัจฉริยะเปิด 2 รายชื่อตัวต้นเรื่องส่งข้อมูลกรมการข้าว-กรมฝนหลวง ให้อาจารย์เอกปากน้ำใช้ตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว

อัจฉริยะเปิด 2 รายชื่อตัวต้นเรื่องส่งข้อมูลกรมการข้าว-กรมฝนหลวง ให้อาจารย์เอกปากน้ำใช้ตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว

วันที่ 5 ก.พ.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ชั้น 1 อาคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงาน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นายอัจฉริยะ นำหลักฐานที่“เอก ปากน้ำ”เคยส่งข้อมูลการทุจริตฮั้วประมูลของนักการเมืองและข้าราชการรวมทั้งภาคเอกชนมูลค่า 97,000 ล้านบาท เช่นการทุจริตเรือดำน้ำ และ โครงการอื่นๆ ที่ เจ๋ง ดอกจิก กับพวกนำไปร้องสื่อฯ และกรรมาธิการและนำรายชื่อข้าราชการกระทรวงเกษตร 2 คน ที่นำข้อมูลกรมการข้าวและกรมฝนหลวงให้“เอก ปากน้ำ”กับพวกมาตบทรัพย์ในกรมการข้าวและกรมฝนหลวง เพื่อให้สืบสวนสอบสวน

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำรายชื่อของข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำนวน 2 ราย มามอบให้กับพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยทั้ง 2 คนให้ข้อมูลการทุจริตโครงการต่าง ๆ ในกรมการข้าวและกรมฝนหลวงให้กับนายเอกลักษณ์ วารีชล หรือ อาจารย์เอก ปากน้ำ ผู้ร่วมขบวนการรีดทรัพย์ ของนายศรีสุวรรณ จรรยา

โดยคนแรกเป็นเพื่อนสนิทของอาจารย์เอก มีชื่อเล่นว่าโอ ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงของกรมการข้าว อยู่ระหว่างถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแต่ไม่ขอระบุว่าถูกตรวจสอบเรื่องอะไร ซึ่งตนเองมีหลักฐานว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับอาจารย์เอกในการให้ข้อมูลเรื่องการทุจริตภายในกรมการข้าว พร้อมนำแชตไลน์หลักฐานการเจรจาระหว่างการแลกเปลี่ยนข้อมูลในกรมฝนหลวงมาให้กับสื่อมวลชนดู

อีกรายหนึ่งคือ นาย ก.เป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งอยู่เบื้องหลังรัฐมนตรีรายหนึ่งของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่ไม่ใช่นายธรรมนัส ทำหน้าที่ชงข้อมูลกรมฝนหลวงให้ขบวนการดังกล่าวนำไปร้องเรียนที่คณะกรรมาธิการต่างๆ โดยต้องการให้พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเชิญทั้งสองคนมาให้ข้อมูลในฐานะพยานแต่เชื่อว่าทั้งสองจะยินดีให้ความร่วมมือ แต่ทั้งคู่จะมีส่วนร่วมในขบวนการดังกล่าวหรือไม่ ไม่ขอ ก้าวล่วงแต่มองว่าหากมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการปราบปรามการทุจริตก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากกว่า

นอกจากนี้ ยังได้นำข้อมูลการฮั้วประมูลโครงการของภาครัฐตั้งแต่ปี 2557 -256 มูลค่ากว่า 97,000 ล้านบาท ที่นาย เจ๋งดอกจิกและนายศรีสุวรรณเคยนำไปร้องเรียนกับคณะกรรมาธิการต่างๆแล้ว โดยเฉพาะเรื่องของโครงการทุจริตเรื่องเรือดำน้ำ ที่หากข้อมูลชุดนี้เป็นจริงก็มองว่าจะสามารถทำให้มองเห็นขั้นตอน ขบวนการทุจริตการฮั้วประมูลได้อย่างชัดเจนและเชื่อว่าจะนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตมาลงโทษได้ โดยเฉพาะนายบอย ที่เป็นหัวเรือหลักในการ หัวประมูลโครงการต่างๆของรัฐ และคนส่งข้อมูลให้อาจารย์เอกนับว่าเป็นหัวเรือหลักในการฮั้วประมูลโครงการต่างๆของรัฐ

นอกจากนี้ ยังมีโครงการจัดซื้อจัดจ้างอาคาร 191 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท ที่มีความไม่ชอบมาพากล มีข้อมูลว่าบีบุคคลสองกลุ่มในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งทางนายเจ๋งดอกจิกและนายศรีสุวรรณจะยื่นเรื่องนี้ให้กับ คณะกรรมาธิการ 2 คณะได้ตรวจสอบแล้ว แต่ภายหลังได้ถอนเรื่องออกไปทั้งสองคณะซึ่งมองว่ากรณีดังกล่าวน่าจะเกิดจากการเจรจากันใต้ดิน และกลุ่มขบวนการดังกล่าวได้ตกลงกันเรื่องผลประโยชน์เรียบร้อยแล้ว

ส่วนกรณีเพลิงไหม้ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น มีข้อมูลว่าห้องดังกล่าวเป็นห้องรวบรวมเอกสารของกรมการข้าวและกรมฝนหลวงเอาไว้ ซึ่งมีความเชื่อมโยงในคดีรีดทรัพย์ของนายศรีสุวรรณ และยังมีเคยหลักฐานที่ระบุว่าหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในขบวนการนายศรีสุวรรณได้ขึ้นไปพบกับข้าราชการระดับสูงในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ห้องดังกล่าวสัปดาห์อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งวัน

นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่าภายหลังจากเกิดเพลิงไหม้ได้เพียง 15 นาทีก็มี โฆษกของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รีบออกมาระบุถึงสาเหตุ ว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรทั้งที่ เจ้าหน้าที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้เข้าพื้นที่และตรวจสอบข้อเท็จจริง และยังมองว่าเวลาที่เกิดเหตุเพลิงไหม้คือเวลา 18:00 น. ตรงนั้นเป็นการจงใจตั้งเวลาหรือไม่

นายอัจฉริยะยังฝากไปถึงนายเจ๋งดอกจิกว่า ขอบคุณที่ออกมาแถลงข่าวยอมรับข้อเท็จจริงเรื่องคลิปเสียงและแชตไลน์ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวจริง พร้อมแนะนำว่าการยกธูปเทียนพานกล่าวสาบาน ต่อหน้าสื่อมวลชนและโรงแรมนั้นไร้ประโยชน์ หากแน่จริงก็ให้ไปสาบานที่วัดหงษ์ จังหวัดบุรีรัมย์ เชื่อ 7 วันเห็นผลนายเจ๋งตายแน่นอน ตนยินดีช่วยออกค่าใช้จ่ายและพร้อมไปด้วย

ข่าวโดย ผู้สื่อข่าวนครบาล

เรียบเรียง มุมข่าว by siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ