ดาราสาว ควงทนายความ หอบหลักฐานลุยฟ้องกลับ หลังโดนกล่าวหา

ดาราสาว ควงทนายความ หอบหลักฐานลุยฟ้องกลับ หลังโดนกล่าวหา

จากกรณีที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ.พากลุ่มผู้เสียหาย จำนวน 10 ราย เข้าพบ พ.ต.อ.ยุทธิวัสส์ กล่ำกล่อมจิตร์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป.เพื่อแจ้งความกรณีถูกดาราสาวรายหนึ่ง ซึ่งทำตัวเป็นนายหน้าเปิดสัมมนาชักชวนลงทุนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคไปขายยังประเทศตะวันออกกลาง สุดท้ายอ้างว่าขายไม่ได้

ล่าสุดดาราสาว อาย วราไพรินทร์ ธนวริสพร ควงทนาย พร้อมหลักฐานครบ ชี้แจง พร้อมลุยแจ้งความดำเนินคดีหัวโจกจ้องทำลายให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง ขอชี้แจงความจริงทุกประเด็น ตนได้มีการจัดสัมมนาธุรกิจให้ความรู้ กลุ่มเจ้าของแบรนด์ที่มีความสนใจในการส่งสินค้าไปขายที่ตะวันออกกลาง และมีเงื่อนการส่งสินค้าต่างๆ มีความแตกต่างกันไป เช่น ส่งสินค้าไปขายในห้างคาร์ฟูร์ที่บาร์เรนก็จะมีการจัดเก็บค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่างๆ เพียงแค่ 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นจากที่จะต้องจ่ายจริงให้กับห้างคาร์ฟูร์ 100 เปอร์เซ็นต์

ซึ่งตนได้มีคอนแท็กตรงและได้เงื่อนไขพิเศษจากห้างคาร์ฟูร์เป็นกรณีพิเศษหรือ ส่งสินค้าไปขายแค่ในช็อปของไทยวราที่ประเทศบาร์เรนก็จะมีการจัดเก็บค่าบริการและดำเนินการเพียงแค่ปีละ 2-5 หมื่นบาทเท่านั้นและยังมีบริการพิเศษหากภายใน 1 ปีสินค้ายังขายไม่หมดก็จะต่อสัญญาให้ฟรีโดยไม่เก็บค่าบริการ

แต่หากสินค้าหมดอายุก็ต้องมีการทำลายเผาทิ้งตามกฎหมายประเทศบาห์เรน ซึ่งเงื่อนไขการทำลายสินค้าก็จะมีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรต่อเจ้าของแบรนด์ทุกครั้ง แต่หากไม่สามารถนำสินค้าเข้าไปขายที่ประเทศบาร์เรนได้อาจด้วยเงื่อนไขไม่ผ่านการตรวจสอบ ทางตนก็จะมีการคืนค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ ซึ่งกลุ่มบุคคลที่เข้าไปร้องเรียนที่นั่น ก็เป็นกลุ่มคนเจ้าของสินค้าที่ตนได้มีการนำส่งสินค้าไปจำหน่ายที่ประเทศบาร์เรนตามสัญญาครบถ้วน

โดยทางเรามีภาพและหลักฐานการจัดจำหน่ายครบถ้วน และบางรายรอการพิจารณาของห้างบาห์เรน ทางบริษัทเลยให้ขายในช็อปตน ฟรี แต่กลุ่มคนเหล่านี้มีบางคนที่ไม่พอใจเพราะสินค้าขายไม่ดีไม่เป็นที่นิยมในประเทศบาห์เรน จึงออกมาโวยวาย โพสต์สร้างความเสียหาย อยากเร่งการเงินค่าดำเนินการคืนอีกทั้งยังนำเรื่องราวไปโพสต์ หรือให้ข้อมูลอันเป็นเท็จทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง เราจึงจำเป็นต้องดำเนินคดีต่อไป

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราโดนข่มขู่ตลอดจากหัวหน้าแก๊งที่ให้สัมภาษณ์ป่วนทุกหน่วยงาน และทักไปหาหลายๆ แบรนด์มาร่วมกับตน ไม่มาก็พูดไม่ดี และได้ไปรวมตัวลูกค้าที่เจรจาตกลงกับเราอยู่ 8 ราย ซึ่งทางเรายินดีรับผิดชอบในเคสที่รอการอนุมัติเข้าห้างไม่ไหวเพื่อคืนเงินมัดจำ

แต่เคสแบรนด์กะทิไม่พอใจ ด้วยประเด็นที่ตนผิด และทางบริษัทไม่สามารถคืนเงินเข้าห้างให้ได้เพราะ สินค้าเข้าไปวางจำหน่ายแล้ว เจ้าของแบรนด์กะทิจ่ายมาแค่แสนนึง และยังไม่ได้ชำระส่วนที่ค้างต่อบริษัทเรา ทั้งที่บริษัท ให้ offer จากเราไปในฐานะลูกค้า กว่า 300,000 บาท

พอเจ้าของแบรนด์กะทิรู้ว่าถูกดำเนินคดี จึงวีนเจ้าหน้าที่ตำรวจ, ทนาย, และพนักงาน, ผู้บริหาร มีการข่มขู่ว่าถ้าไม่คืนเงินให้ จะออกมาทำให้เสียชื่อเสียง จะไปทุกสื่อ ทุกรายการ ทุกหน่วยงาน ทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อหยุดการผลักดันสินค้าของเราต่อแบรนด์ไทยที่ร่วมงานกันอยู่

ยืนยันจะรับผิดชอบในเคสที่ตนหรือเจ้าพนักงาน ล่าช้า หรือ ตกหล่น ที่ทำให้ได้รับความไม่สบายใจ แต่ฝ่ายกฎหมายขอว่าไปตามถูกผิด ซึ่งมีการแจ้งความพร้อมดำเนินคดีไปบ้างแล้ว ต่อจากนี้เราจะไม่ทน เราจะพร้อมสู้กับบุคคลท่านนี้

และต้องขอขอบคุณนักธุรกิจคู่สัญญากับเราที่.ขายดี ในตะวันออกกลาง ที่ส่งกำลังใจมาให้ และยังเชื่อมั่นในความตั้งใจที่จะผลักดันสินค้าจริง ทำธุรกิจจริง ไม่มีการหลอกลวงใดๆ ทั้งสิ้น

เรียบเรียง มุมข่าว

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ