เปิดคำสารภาพเด็กหญิงม.2 ย่องฉกเงินครูสาว 7 แสน ไปซื้อไอโฟนแจกเพื่อนๆ ไม่สำนึกก่อเหตุอีกครั้ง

เปิดคำสารภาพเด็กหญิงม.2 ย่องฉกเงินครูสาว 7 แสน ไปซื้อไอโฟนแจกเพื่อนๆ ไม่สำนึกก่อเหตุอีกครั้ง

จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี ครูสอนชั้น ป.5 อยู่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี แจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ต.ดิเรก เอี่ยมเล่ สว.(สอบสวน) สภ.ห้วยคต ว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย.66 ที่ผ่านมา ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี อยู่ชั้น ม.2 ซึ่งมีบ้านติดกัน เข้ามาลักเงินในห้องนอนซึ่งเก็บไว้อยู่ในโต๊ะ จำนวน 7 แสนบาทไป แล้วไปแบ่งให้กับแฟนหนุ่มและพรรคพวกนักเรียนด้วยกัน พร้อมนำเงินส่วนหนึ่งไปซื้อไอโฟนแจกเพื่อนๆ

โดย น.ส.เอ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองได้พักอาศัยอยู่กับแม่ พร้อมบุตร และหลาน 6 คน อยู่บ้านที่เปิดเป็นร้านขายของชำ โดยก่อนถูกขโมยเงินครั้งนี้ ก่อนหน้านี้เคยถูกขโมยไปครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 19 ต.ค.66 ตอนที่แม่ของตนอยู่บ้านคนเดียว นั่งเลี้ยงเด็กอยู่เดินไปหลังบ้าน ได้มี ด.ญ.บี ซึ่งมีบ้านอยู่ติดกันได้เดินลัดข้างบ้านเขามาทำท่าจะซื้อของ แต่เดินตรงไปยังกระติกใส่เงิน แล้วหยิบเงินไป 2,000 บาท โดยแม่ของตนมองเห็น และได้ว่ากล่าวไปโดยไม่เอาเรื่องแต่อย่างใด

ด.ญ.บี กลับไม่สำนึก มาก่อเหตุอีกครั้ง เมื่อวันที่ 28 พ.ย.66 ครั้งนี้ตอนแรกไม่รู้ว่าเกิดการขโมยเงิน แต่มารู้จากเพื่อนบ้านว่าในเวลา 19.00 น. ว่า ด.ญ.บี มีเงินใช้จ่ายแบบสุรุ่ยสุร่าย ไปซื้อโทรศัพท์มือถือไอโฟน แจกกลุ่มเพื่อนๆ นักเรียนด้วยกัน ด้วยความเอะใจ จึงเข้าไปดูเงินที่เก็บไว้ใต้โต๊ะ ซึ่งเป็นเงินที่กู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครู มา 5 แสนบาท เพื่อจะปรับปรุงบ้าน พร้อมกับเงินแม่อีก 2 แสนบาท รวมเป็นเงิน 7 แสนบาท เก็บไว้ในตู้ เมื่อเปิดออกมาดูถึงกับช็อกเนื่องจากเงินทั้งหมดได้หายไปหมด

ทั้งนี้ภายหลังได้ข้อมูล ฝ่ายสืบสวน สภ.ห้วยคต จึงนำ ด.ญ.บี มาเข้าสู่กระบวนการซักถาม ตามกระบวนการที่มีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพร่วมด้วย กระทั่งเด็กยอมรับว่าเข้าไปลักเงิน 7 แสนบาท ที่บ้านหลังดังกล่าวไปจริง โดยนำเงินไปให้แฟนหนุ่ม โดยแฟนหนุ่มของเด็กหญิงรายนี้ ปฏิเสธว่า ได้เงินมาแค่ 3 แสนบาท ส่วนอีก 3 แสนบาทแบ่งให้อีกคนไป หลังจากนั้นกลุ่มเด็กได้พากันไปเที่ยวที่โลตัส อ.หนองฉาง ไปซื้อโทรศัพท์ไอโฟนรวม 11 เครื่อง ตำรวจจึงไปอายัดไอโฟนได้คืนมาทั้งหมด 11 เครื่อง พร้อมให้เจ้าของร้านมารับซื้อคืน เพื่อนำเงินส่งคืนเจ้าของ

เรียบเรียง มุมข่าว

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ