สังคมแห่วิพากษ์วิจารณ์ และตั้งคำถามว่าสรุปแล้วคนเช่ารถ หรือ เจ้าของรถที่ต้องรับผิดชอบ จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ออกตรวจและอำนวยความสะดวกการจราจร บนถนนพหลโยธิน ขาเข้า ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 50 - 51 พบรถยนต์เอนกประสงค์ ยี่ห้อเชฟโรเรต สีขาว หมายเลขทะเบียน 1 ขฎ 2093 กรุงเทพมหานคร สังเกตจากแผ่นป้ายทะเบียนมีความผิดปกติไม่น่าจะตรงกับรถ จึงได้ทำการตรวจสอบกับฐานข้อมูลของกรมการขนส่ง และฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่พบข้อมูลทะเบียน จึงได้ติดตามรถยนต์คันดังกล่าวไป พร้อมกับเรียกให้หยุดรถเพื่อตรวจสอบ

รถคันดังกล่าวมี นายราชวัตร อายุ 38 ปี ชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นคนขับ เมื่อขอตรวจสอบใบอนุญาตขับขี่ แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีประจำปี สำเนารายการจดทะเบียน แผ่นป้ายทะเบียน พบว่าเอกสารมีการปลอมแปลงทั้งหมด

นอกจากนี้ยังพบว่าแผ่นป้ายทะเบียนที่ติดทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถเป็นแผ่นป้ายทะเบียนปลอมด้วย จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สถานีตำรวจทางหลวงอยุธยา 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง จาการตรวจสอบหมายเลขตัวถังรถ พบว่า รถคันดังกล่าว ผู้ถือกรรมสิทธิ์ เป็นของบริษัทไฟแนนซ์ ไม่ได้ทำการต่อภาษี ตั้งแต่ปี 2562 สถานะรถระงับใช้รถ

สอบถาม นายราชวัตร บอกว่า รถยนต์คันที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตนเองเช่า มาจาก นาย ดอก ไม่ทราบชื่อจริงนามสกุลจริง ในราคาวัน 450 บาท พร้อมกับจ่ายค่ามัดจำรถไว้อีก 2,500 บาท เพื่อมาขับแกร็บคาร์ หารายได้ เพราะยังไม่มีรถยนต์เป็นคนของตนเอง จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม

เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา จึงได้ แจ้งข้อกล่าวหา ปลอมและใช้เอกสารทางราชการปลอม ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรพระอินทร์ราชา จ.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป