เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2566 เวลา 10.00 น. ที่ ศูนย์ประสานงานเพจสายไหมต้องรอด เขตสายไหม ผู้ปกครองของ ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.5 เดินทางจาก จ.บุรีรีมย์ เข้าร้องขอความช่วยเหลือ กรณีเด็กถูกครูตี จำนวน 70 ครั้ง โดยอ้างว่าเด็กทำการบ้านไม่เสร็จ 70 ข้อ จึงถูกตี 70 ที ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.66 ที่ผ่านมา

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ผู้ปกครองน้องเอ (นามสมมุติ) ด.ช.อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป. 5 เดินทางมาร้องเนื่องจากช่วงปิดเทอม คุณครูภาษาไทยโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ จ.บุรีรัมย์ ได้สั่งให้ทำการบ้านในช่วงปิดเทอมทั้งหมด 107 หน้า ซึ่งต้องทำให้เสร็จก่อนเปิดเทอม น้องทำไปได้ 37 หน้า เหลืออีก 70 หน้า แต่น้องทำไม่เป็นประกอบกับที่คุณแม่ไม่รู้หนังสือ น้องและคุณแม่จึงรอให้น้องมาถึงโรงเรียน เพื่อที่จะให้คุณครูสอน

หลังจากเปิดเทอม น้องมาโรงเรียนตามปกติ น้องได้เจอคุณครู คุณครูจึงได้คุยกับน้องว่าขยายเวลาให้อีก 5 วัน หากทำไม่เสร็จจะถูกทำโทษ แต่ยืนยันว่าน้องก็ทำไม่เป็น ก็จึงถูกทำโทษโดยการใช้ไม้ไผ่ตี 70 ครั้ง หลังจากน้องถูกตีน้องถึงขั้นเป็นไข้ ต้องนอนพักรักษาตัว

ซึ่งตนเองมองว่าการใช้ความรุนแรงกับเด็กคือการทำร้ายร่างกาย อยากบอกกับคุณครูว่าสิ่งที่คุณครูใช้ความรุนแรงกับเด็กไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย หนำซ้ำยังเป็นการทำโทษเด็ก โดยใช้ความรุนแรงทำให้เด็กเรียนรู้พฤติกรรม การใช้ความรุนแรงไปจนโต เหมือนกับที่คุณครูใช้ความรุนแรงกับเขาในวัยเด็ก น.ส.อรวรรณ อายุ 37 ปี พี่สาวซึ่งเป็นผู้ปกครอง เล่าว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านได้รับสายโทรศัพท์จากแม่ ซึ่งอยู่กับน้องชายที่ จ.บุรีรัมย์ บอกว่า น้องชาย ถูกครูวิชาภาษาไทยทำโทษ ตี 70 ที จนเกิดเป็นรอยช้ำบริเวณบั้นท้าย เนื่องจากทำการบ้านไม่ครบตามที่ครูสั่ง 107 หน้า น้องชายทำได้ 37 หน้า เหลืออีก 70 หน้า (ถูกตีหน้าละ 1 ที) หลังถูกทำโทษน้องชายมีอาการไขขึ้นสูง และบอกว่าไม่อยากกลับไปเรียนที่โรงเรียนนี้อีกแล้ว

ขณะที่ทางโรงเรียนได้ติดต่อหาฝั่งผู้ปกครอง เพื่อขอเจรจาไกล่เกลี่ย โดย คุณครูวิชาภาษาไทย ให้เหตุผลกับผู้ปกครองว่า ครูได้ให้การบ้านเด็กนักเรียน ทำล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนปิดภาคเรียน ประมาณวันที่ 4 ก.ย.2566 โดยกำหนดส่งวันที่ 1 พ.ย.2566 เพราะ เพราะภาคเรียนที่ 2 กิจกรรมมีมากกังวลว่าสอนไม่ทัน และนักเรียนสามารถค้นคว้าคำตอบได้ในอินเทอร์เน็ต อย่างน้อยเพื่อลดการเล่นเกมของเด็กไปบ้าง เด็กจะได้มีโอกาส ค้นคว้าเนื้อหาที่จะเรียนวันละนิดก็ยังดี แต่พอเปิดเรียนก็มีนักเรียนบางคนที่ทำเสร็จ ส่วนน้อย พอดี มีกิจกรรมซ้อมนักเรียนไปแข่งวิชาการระดับกลุ่ม บางคนเป็นตัวแทนก็ซ้อม คนไม่ได้ซ้อมครูก็ให้ทำงานที่ค้างแล้วครูและนักเรียนก็ทำข้อตกลงกัน เรื่องการทำโทษก็ได้มติว่าตีหน้าละ 1 ครั้ง แล้วครูก็ผ่อนผันผลัดมาเรื่อย ๆ แล้วครูก็เตือนตลอดและคอยบอกว่าไม่รู้และไม่เข้าใจหน้าไหนให้มาถามจนสิ้นสุดครูบอกตอนวันศุกร์อีกครั้งว่าคนที่ไม่เสร็จให้เร่ง วันอังคารสุดท้าย จึงนำมาซึ่งการลงโทษแต่ละคนโดนโทษไม่เท่ากันแล้วแต่ความรับผิดชอบชองแต่ละคน