เปิดแผนสอง ช่วยแรงงานไทย ออกจากอิสราเอล

เปิดแผนสอง ช่วยแรงงานไทย ออกจากอิสราเอล

เมื่อวันที่ 12 ต.ค.66 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ พร้อมด้วย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข และคณะ แถลงข่าวภายหลังจากคนไทย 15 คน ที่เดินทางกลับจากประเทศอิสราเอลเป็นกลุ่มแรก โดยเที่ยวบินพาณิชย์ของสายการบินอิสราเอล เที่ยวบิน LY 083 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อเวลาประมาณ 11.20 น. ที่ผ่านมา

นายปานปรีย์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายกฯ มาต้อนรับแรงงานชาวไทย 15 คน ที่ลงทะเบียนกลับไทย พร้อมด้วยแรงงานไทยอีก 20 คน ที่เดินทางกลับมาโดยซื้อตั๋วเอง หรือนายจ้างซื้อให้กลับประเทศไทย ส่วนใหญ่เนื่องจากหมดสัญญาจ้างแล้ว รวมแล้ววันนี้มีแรงงานไทยเดินทางกลับมา 35 คน รู้สึกยินดีที่ทุกคนกลับมายังประเทศอย่างปลอดภัย ในเวลานี้รัฐบาลไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ เพื่อให้พี่น้องประชาชนชาวไทยที่ยังคงเหลืออยู่ และได้ลงทะเบียนแสดงความจำนงกลับมาประเทศไทย ให้กลับมาประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ทุกท่านคงทราบว่าการเดินทางในอิสราเอลขณะนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเองก็ทำงานแข็งขันกันตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ประสานงานกับหลายประเทศเพื่อช่วยให้พี่น้องชาวไทยที่อยู่ในอิสราเอลได้รับความปลอดภัยและให้ได้กลับบ้านเร็วที่สุด ขณะนี้ได้รับแจ้งว่ามีผู้ลงทะเบียนประสงค์กลับไทยเกือบ 6,000 คนแล้ว พร้อมเปิดเผยว่าขณะนี้มีรายงานความคืบหน้าของคนไทยถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่ม 2 คน เป็น 16 คน

ทั้งนี้ตนเองเพิ่งทราบจากแรงงานไทย ว่าสถานการณ์ภายในประเทศอิสราเอลในขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะสงบ เพราะฉะนั้นรัฐบาลจะเร่งดำเนินการนำพี่น้องชาวไทย กลับสู่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุด พร้อมกับประสานงานกับการบินพาณิชย์หลายสายการบิน ซึ่งสายการบินให้ความร่วมมืออย่างดี อีกทั้งหากสามารถประสานงานกับรัฐบาลอิสราเอล และประเทศใกล้เคียง ก็จะสามารถลำเลียงคนไทย ไปยังประเทศที่สามก่อนพากลับมาไทย คาดว่าวิธีดังกล่าวจะสามารถพาคนไทยกลับมาได้เพิ่มขึ้น

ด้านนายสันติ กล่าวว่า สำหรับพี่น้องแรงงานไทยที่ไปทำงานอยู่ที่ประเทศอิสราเอลนั้น ทางรัฐบาลไทยมองว่าเป็นผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ทางกระทรวงสาธารณสุขจะดูแลทั้งทางสุขภาพจิต ด้านร่างกายและหากผู้ใดเจ็บป่วยได้เตรียมโรงพยาบาลในเครือของกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลบำราศนราดูร ที่จะสามารถดูแลผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี เสมือนเป็นบุคคลพิเศษ เพราะฉะนั้นพี่น้องแรงงานไทยที่กลับมาจากอิสราเอลสามารถวางใจได้ ดังนั้นรัฐบาลตั้งใจจะส่ง ทั้งเครื่องบินเช่าเหมาลำ กองทัพอากาศ การบินไทย เท่าที่น่านฟ้าอิสราเอลจะเปิด

ด้านนายสุทิน กล่าวว่า ขณะนี้จำนวนผู้อยากกลับประเทศมากขึ้น ในขณะที่เครื่องบินที่มีนั้นอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ ตนหารือกับ นายปานปรีย์ และได้ข้อสรุปว่าคงจะมีแผน 2 นั่นคือจะใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศในการบินลำเลียงคนไทยออกจากจุดเสี่ยงมาไว้ประเทศอื่นก่อน และที่คาดการณ์ไว้คือดูไบ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นค่อยลำเลียงกลับบ้าน และคาดว่าดำเนินการได้เลย

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานขอชี้แจงสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ กระทรวงแรงงานให้การดูแลขณะที่มาถึง 15,000 บาท สำหรับผู้เสียชีวิตจะเยียวยา 40,000 บาทเป็นค่าทำศพ ในส่วนของรัฐบาลอิสราเอลจะมีการดูแลด้วย โดยถ้าได้รับบาดเจ็บเกินกว่า 10% แต่ไม่เกิน 19% ก็จะเยียวยา ประมาณ 1.4 ล้านบาท ถ้าบาดเจ็บเกิน 20% ขึ้นไปก็จะให้การดูแลตลอดชีวิต ซึ่งจะดูแลกี่เปอร์เซ็นต์ ก็เทียบกับเงินเดือนที่อิสราเอลที่แรงงานได้รับ

ส่วนผู้เสียชีวิตทางการอิสราเอลก็จะเยียวยา ภรรยาและบุตร โดยภรรยาจะได้เงินตลอดระยะเวลาที่ยังไม่แต่งงานใหม่ประมาณ 35,000 กว่าบาทต่อเดือน ส่วนบุตรจะได้รับการดูแล เดือนละ 12,000 บาท ต่อคนต่อเดือน จนถึงอายุ 18 ปี หากไม่ได้แต่งงาน จะให้เงินชดเชยแก่พ่อแม่ พร้อมดูแลพ่อแม่ ผู้เสียชีวิตไปตลอดชีวิต ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ประสานอิสราเอลที่ทำให้เข้าใจเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาตรงกัน

ส่วนกรณีที่พี่น้องแรงงานหลายคนกังวลว่าหลังจากนี้จะกลับไปทำงานได้หรือไม่นั้น หากว่ายังไม่ครบสัญญาจ้าง ซึ่งส่วนใหญ่สัญญาจ้าง 5 ปี ทางกระทรวงแรงงานจะประสานนายจ้างที่อยู่ที่ประเทศอิสราเอลผ่านทางเอเจนท์ ส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินทางนั้น จะมีการหารือว่าจะนำเงินกองทุนมาจากส่วนไหน หากสุดท้ายแล้วไม่สามารถดำเนินการได้ทั้ง 100% ก็จะต้องหันหน้าไปพึ่งนายกฯ ว่าในส่วนนี้ทางรัฐบาลจะสามารถช่วยเยียวยาพี่น้องแรงงานจากอิสราเอลได้อย่างไรบ้าง เพราะการกลับมาครั้งนี้ ไม่ใช่การกลับมาโดยปกติ แต่เป็นการกลับมาสู้อ้อมกอดของครอบครัว เพราะหากยังอยู่ต่อคงสร้างความกังวลให้กับทุกฝ่าย

เมื่อถามว่า ขณะนี้ญาติของพี่น้องแรงงานมีความกังวลใจ ศพของผู้เสียชีวิตในพื้นที่ต่อสู้ และญาติอยากให้นำกลับมาทำพิธีทางศาสนา มีความเป็นไปได้มากน้อยอย่างไร นายปรานปรีย์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางเอกอัครราชทูตตามเรื่องนี้อยู่ และให้ทางรัฐอิสราเอลดำเนินการ ซึ่งยังมีความทุลักทุเลอยู่ภายใน และทางทูตเราไม่สามารถทำได้ในขณะนี้ เชื่อว่าหากใช้เครื่องบินกองทัพลำเลียงกลับมาก็จะสามารถนำกลับมาในเร็ววัน

ส่วนจะจัดการจำแนกอย่างไรว่าศพไหนศพคนไทยนั้น นายปานปรีย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลอิสราเอลจะดำเนินการ เพราะรัฐบาลไทยออกนอกพื้นที่ไม่ได้ แต่ถ้าทราบว่ามีคนใกล้ชิดเสียชีวิตให้แจ้งกับทางสถานทูต และยืนยันจะดำเนินการให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม 1 ในแรงงานคนไทยเปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า ศพของทุกสัญชาติยกเว้นชาวอิสราเอลที่สามารถยืนยันตัวตนได้ง่าย แต่ส่งของชาติอื่นจะนำใส่ถุงแล้วมัดเอาไปไว้รวมกันในห้องเย็นยกเว้นศพของชาวฮามาส และยังไม่มีการเคลื่อนย้ายรอการพิสูจน์ตัวตนต่อไป เพราะไม่มีใครพกหลักฐานยืนยันตัวตนขณะเกิดเหตุ

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ